Digital Photography   Audio & Video   Computer Accessories   Software Applications | Home

Amplifier แบบที่ใช้หลอด สำหรับเครื่องเสียงรถยนต์
(อ่านเรื่อง Mercedes-Benz E250 CGI กับเครื่องเสียงที่ใช้แอมป์หลอด Purist Audio Super Tube One)


รูปที่ 1   Kamaz The Masterpiece 4.300

        Channels : 4
        Rate Power @ 4 Ω (Stereo) : 75 Watts x 4
        Rate Power @ 2 Ω (Stereo) : -
        Bridge @ 4 Ω : 200 Watts x 2
        Frequency Response (± 1 dB) : 5 Hz - 100 kHz
        Signal to Noise Ratio (A Weighted) : > 105 dB
        Dimension (L x H x W) : 20.5 x 2.4 x 10.25”

รูปที่ 2   Kamaz The Masterpiece 2.300

       Channels : 2
       Rate Power @ 4 Ω (Stereo) : 250 Watts x 2
       Rate Power @ 2 Ω (Stereo) : -
       Bridge @ 4 Ω : 500 Watts x 1
       Frequency Response (± 1 dB) : 5 Hz - 100 kHz
       Signal to Noise Ratio (A Weighted) : > 110 dB
       Dimension (L x H x W) : 17.3 x 2.4 x 10.25”


รูปที่ 3  Tube Amplifier ของ US. Amps.
ในสมัยก่อนที่จะมีทรานซิสเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องอิเลคทรอนิกส์ต่างๆ ใช้หลอด (Vacuum Tube)
และต่อมาก็มีวิทยุทรานซิสเตอร์เข้ามาแทนที่ จนทำให้นักเล่นเครื่องเสียงที่ใช้ Pre-Amp และ Amplifier
ที่ใช้หลอด เหลือไม่มากนัก 

ผู้เขียนเป็นรายหนึ่งที่เล่นและสร้างวิทยุ รวมทั้ง Pre-Amp และ Amplifier มาหลายเครื่อง ตั้งแต่สมัย
ยังเป็นเด็ก โดยมีแหล่งที่นิยมไปซื้ออะไหล่และอุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ที่บริเวณบ้านหม้อ และร้านแถวๆคลองถม
เพราะในสมัยนั้น ไม่มีเงินที่จะไปหาซื้อวิทยุและ Amplifier มาใช้ได้ จึงต้องสร้างขึ้นมาเอง ต่อมาเมื่อมี
ทรานซิสเตอร์ขายมากขึ้น จึงได้หันมาสร้างวิทยุและ Amplifier ที่ใช้ทรานซิสเตอร์แทน โดยไม่ได้มีโอกาส
ที่จะเปรียบเทียบคุณภาพเสียง

เมื่อยุคของดิจิตอล เข้ามาแทนที่อนาลอก ไปบางส่วน จะเห็นได้ว่า เดิมเราเล่นเทปแบบ Reel ม้วนโตๆ ให้
เสียงที่ดีมาก ต่อมา เปลี่ยนเป็น CD เสียงที่ได้ก็ฟังเป็นเสียงดิจิตอลอยู่ดี นอกจากจะใช้อุปกรณ์ที่มีราคาแพง
มากๆ ก็อาจจะได้เสียงที่ดีขึ้น  จำได้ว่าในสมัยนั้น ผมไม่ยอมรับเสียงจาก CD อยู่นาน และใช้เทป Reel ไป
เรื่อยๆ จนในที่สุดเทป Reel เริ่มหาซื้อได้ยากและเทปที่อัดเพลงสำเร็จมา ก็ยิ่งหายากขึ้น และก็ได้มีเทป
Cartridge
และเทป Cassette ออกมาแทนที่ สามารถใช้ฟังเพลงในรถยนต์ได้ ต่อมา ทป Cassette
ก็แพ้ไป เหลือแต่เพียงเทป Cassette อย่างเดียว ซึ่งครองตลาดอยู่นานมาก และก็มี CD ออกมาแทน

ในปัจจุบัน รถยนต์รุ่นใหม่ๆ สามารถเล่นอุปกรณ์ต่างได้มากมาย เช่น CD, DVD, Thump Drive - mp3,
iPod
เป็นต้น แต่แทบจะไม่มีรถคันไหนเลย ที่ให้เครื่องเสียงที่มีคุณภาพดีๆมา ดังนั้น ผู้ที่นิยมฟังเพลง
ที่ต้องการคุณภาพเสียงดี จึงต้องนำรถไปติดเครื่องเสียงใหม่ ส่วนใหญ่ จะถอดของเดิมออกทั้งหมด ตั้งแต่
ตัว Front รวมลำโพงและสายสัญญาณ ดังนั้น การติดตั้งระบบเสียงใหม่ให้ดี ในรถยนต์จึงมีราคาแพงมาก
ยิ่งในปัจจุบัน นิยมใช้ระบบ Multimedia ติดจอ LCD สำหรับดูวิดีโอ และรับโทรทัศน์ และยังมีระบบ
GPS อีก ทำให้ค่าติดตั้งสูงอาจจะ 1 - 2 แสนบาททีเดียว ทั้งๆที่เครื่องเสียงและอุปกรณ์ในรถยนต์มีอายุ
การใช้งานสั้นกว่าเครื่องเสียงบ้านมาก และเมื่อขายต่อรถยนต์ออกไป ผู้ที่ซื้อ แทบจะไม่ตีราคาให้กับระบบ
เครื่องเสียงเลย

อย่างไรก็ตาม ถ้าเราต้องใช้รถยนต์มากๆ และรถก็ติด วันหนึ่งๆอาจจะต้องนั่งอยู่ในรถหลายชั่วโมง เครื่องเสียง
ทีดี ก็จะช่วยได้มาก ดังนั้น จึงต้องมาทบทวนดูว่า เรามีงบประมาณจะติดเครื่องเสียงเท่าไร และจะเลือก
อุปกรณ์ยี่ห้อใดมาใช้ ซึ่ง เราเองคงต้องรับฟังจากผู้ติดตั้ง จากร้านติดตั้งเครื่องเสียงชั้นนำ และต้องไป
ทดลองฟังเสียงก่อน  แต่เสียงที่ฟังในห้อง กับในรถยนต์ของเรา อาจจะแตกต่างกัน

สำหรับการเลือกอุปกรณ์นั้น ตัว Amplifier  ก็มีส่วนสำคัญมาก โดยทั่วๆไป เราใช้ Amplifier แบบ
Solid State พวกที่ใช้ทรานซิสเตอร์ และ Integrated Circuits ก็นับว่าดี และมีความคงทนมากพอ
สมควร มียี่ห้อดังๆหลายยี่ห้อ แม้กระทั่ง MacIntosh ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าดีและแพงและโก้ด้วย แต่
ก็ยังพอมีทางเลือกที่น่าสนใจเกิดขึ้น เนื่องจาก ได้มีผู้นำ Amplifier สำหรับติดรถยนต์ แบบที่ใช้หลอด
(Vacuum Tube) ผสมกับทรานซิสเตอร์ มาจำหน่ายแล้ว เข้าใจว่าคงจะมีมากกว่า 7 ยี่ห้อ  ซึ่งเท่าที่ค้นหา
มาจากเว็บไซต์ ได้แก่
:
1. Kamaz Germany,  
2. US. Amps,  
3. Purist Audio - Super Tube One
4. Butler Audio Inc.,  
5. STATUS Tube Devils,

6. Milbert Amplifiers ,
7. Musee Amplifier (Japan)


 เป็นต้น ซึ่งความจริง แอมป์เหล่านี้ ใช้หลอดเพียง 2 - 4 หลอด นอกนั้นเป็นพวก Solid State และเข้าใจว่า
หลอดใช้ในภาคปรีแอมป์ เพื่อให้เสียงมีคุณภาพดียิ่งขึ้น แต่ถ้าใช้หลอดมากๆ หรือประเภท All Tubes Car Amp
เช่น BaM - 235ab ก็จะเหมือนแอมป์บ้าน ที่มีขนาดใหญ่

Kamaz Germany
 เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ เช่น Amplifier แบบที่ใช้หลอด สำหรับรถยนต์  GPS
ฯลฯ ในที่นี้ เราจะเน้นเฉพาะตัว Amplifier ซึ่งมีรุ่นที่น่าสนใจ 2 รุ่น คือ Kamaz The Masterpiece
4.300
และรุ่น the Masterpiece 2.300 ซึ่งมี Specifications ตามที่แสดงไว้ใต้รูปที่ 1 และ 2

Butler Audio Inc.  เป็นผู้ผลิตเครื่อง Amplifier ที่ใช้หลอด ซึ่งมีทั้งแบบที่ใช้กับกีตาร์ (Tube Driver
Guitar Pedal)  ชุด Home Audio, Amplifier และ Amplifier ที่ใช้สำหรับชุดเครื่องเสียงในรถยนต์
 


ปที่ 4  Hybrid Tube Amplifier ของ Purist Audio


รูปที่
4  Tube Amplifier แบบ Hybrid
ของ
Purist Audio รุ่น Super Tube One

กำลังขับ 100 วัตต์ x4 แชนแนล ที่ 4 โอห์ม,
บริดจ์โมโน 200 วัตต์x2 แชนแนล ที่ 4 โอห์ม
และ 380 วัตต์x2 แชนแนล ที่ 2 โอห์ม ความถี่
ตอบสนอง 20-36,000 HZ อัตราส่วน ระหว่างสัญญาณต่อเสียงกวน 90 ดีบี (+A) ความเพี้ยน
รวมทางฮาร์โมนิคต่ำกว่า 0.005 % พร้อมด้วย
วงจรไฮพาสส์ และโลว์พาสส์ ครอสส์โอเวอร์
และปรับเพิ่มเสียงเบสส์ได้ 0-12 ดีบี



รูปที่ 5  Tube Amplifier ของ Butler

รูปที่ 5  แสดง Tube Amplifier
ของ Butler เรียก Tube Driver
Blue เป็นผลิตภัณฑ์ของสหรัฐอเมริกา
มีหลายรุ่นด้วยกัน
  เช่น รุ่น 2150 มี
Specification ย่อๆ ดังนี้ :
 
•  Rated Power (all channels driven):
2 x 150 Watts RMS per channel
@ 4 ohms
1 x 500 Watts RMS Bridged (Mono)
@ 4 ohms
•  2-Ohm Stereo, 4-Ohm
Mono Stable
•  Freq response: 5Hz to 100kHz (+/- 1dB)
•  THD: <0.15% (30kHz bandwidth)
•  S/N Ratio: >110dB (A-Weighted)
•  Idling Current: 2.4 Amps
•  Input Sensitivity: .450v - 12v RMS
•  Fuses: 2x25A ATC
•  Dimensions: 10.25"W x 17.3"L x 2.4"T
•  Weight: 12 Lbs.

คุณภาพเสียง ความคงทน และ ราคา จะเป็นอย่างไรนั้น จะติดตามกันต่อไป   

References :
1. http://www.KamazGermany.com

2. http://www.butleraudio.com        


Hit Counter
วันที่ 10 .. 2553
ปรับปรุง 18 .. 2553