| |
การใช้อินเทอร์เน็ตแบบเก่า
(Dial Up)
การใช้อินเทอร์เน็ตโดยทั่วไป
เราต่อสายโทรศัพท์เข้ากับโมเด็ม
เข้าที่เครื่องคอมพิวเตอร์
ในการใช้งาน
เราจะต้องทำการต่อเชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ต โดยการ กด Dial
ต่อจากนั้น
ก็ใช้อินเทอร์เน็ตได้ ความเร็วของอินเทอร์เน็ต
ขึ้นอยู่กับโมเด็มด้วย
ซึ่งโมเด็มความเร็วสูงสุดที่ใช้ก็เพียง 56 Kbps
แต่ถ้าใช้งานเพียงเรียกดูข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต (Downstream หรือ Download) ความเร็วดังกล่าว
ก็นับว่าดีเพียงพอ แต่ถ้าจะดูภาพแบบ Video
หรือ Movie Clip ก็ควรจะต้องมีความเร็วสูงขึ้น
และในกรณีที่ต้องการใช้แบบ Upstream หรือ Upload
ก็ควรจะใช้อินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงขึ้น
อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
(High Speed Internet หรือ
Broad Band Internet)
บรอดแบรนด์ คือเทคโนโลยีการับ-ส่งข้อมูลที่เร็วขึ้น
โดบใช้เทคนิค Wide Band ซึ่งเมื่อมี Bandwidth มาก
ก็จะสามารถส่งข้อมูล ผ่านออกไปในปริมาณที่มากขึ้น
ในอดีตนั้น การรับ-ส่งข้อมูล
ใช้ระบบ Base Band ที่มีช่องความถี่แคบๆเพียง 4 กิโลเฮิรตซ์
ซึ่งทำให้เกิดข้อจกัดในการรับ-ส่งข้อมูลของโมเด็มธรรมดาเพียง
56 kbps เท่านั้น
สำหรับ Broad Band นั้นใช้ความถี่ได้กว้างมาก ในช่วง 25.875 ถึง 1,099.6875 กิโลเฮิรตซ์
ระบบ ADSL (Asymmetric Digital
Service Line)
ADSL
เป็นเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่สามารถรับและส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง การรับข้อมูล (Downstream)
จะมีความเร็วได้สูงถึง 8
เมกะบิตต่อวินาที (8 Mbps) และการส่งข้อมูล
(Upstream) มีความเร็วสูงสุดที่ 1 Mbps
แต่การให้บริการอาจจะมีความเร็วด้านการส่งข้อมูลได้สูงสุด
512 kbps
ADSL ดีอย่างไร
1.
มีความเร็วสูงกว่าระบบเดิมที่ใช้โมเด็มมาก
ทำให้ดูข้อมูลในอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะที่มีรูปภาพมากๆ
หรือมีภาพ Video Clip
ทำให้โหลดได้เร็วและภาพไม่กระตุก
2.
สามารถติดต่อเข้าอินเทอร์เน็ตได้ทันที
โดยไม่ต้องหมุนโทรศัพท์และสามารถใช้งานได้ตลอด 24
ชั่วโมง (Always On)
3. บริการ ADSL
สามารถรับข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงกว่าด้านการส่งข้อมูล
เพราะได้ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานส่วนใหญ่ที่ผู้ใช้มักจะเรียกดูข้อมูล
ภาพ และเสียง ส่วนการส่งข้อมูล
เช่น การส่งอีเมล์ การ Update ข้อมูล Edit
ข้อมูลในเว็บไซต์นั้น
จะมีความเร็วต่ำกว่า และอาจจะสูงสุดที่ 512 kbps
แต่ก็นับว่ามากพอ
4.
เมื่อติดตั้งระบบ ADSL แล้ว
จะสามารถใช้งานโทรศัพท์หรือโทรสารได้ตามปกติ
พร้อมกับการใช้งานอินเทอร์เน็ต
บนคู่สาย หรือที่หมายเลขโทรศัพท์เดียวกัน
|
|
| |

รูปที่
1 |
|
| |
|
|
| |
ระบบ
ADSL2+
ADSL2+ เป็นระบบที่พัฒนาต่อมาจาก
ADSL เมื่อปี ค.ศ. 2003 ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับระบบเก่าได้
โดยระบบ ADSL2+ จะมีความเร็วสูงถึง 24
เมกะบิตต่อวินาที
หรือเร็วกว่า ADSL ถึง 3 เท่าในระยะทาง 1 กิโลเมตร
สำหรับการใช้งานแบบ Downstream หรือ Download
และถ้าระยะทางเพิ่มมากขึ้น
ความเร็วก็จะลดต่ำลงเรื่อยๆ จนใกล้กับระบบ ADSL
สำหรับการใช้งาน ADSL2+ แบบ Upstream หรือ Upload นั้น
ความเร็วสูงสุดได้ 1 เมกะบิตต่อวินาที เท่ากับระบบ ADSL
ความเร็วของอินเทอร์เน็ตกับระยะทางจากชุมสาย
เนื่องจากคลื่นความถี่สูงๆจะเดินทางได้ไม่ไกลมาก
คือมีอัตราการลดทอนดังนั้นทำให้จำนวนช่องสัญญาณของระบบ
ADSL ที่มีอยู่ถึง 255 ช่องไม่สามารถใช้งานได้ทั้งหมดเมื่อมีระยะทางไกลขึ้น
โดยเฉพาะช่องที่มีความถี่สูงๆ จึงทำให้ ADSL
มีความเร็วทางด้านการใช้งานแบบDownstream / Download ลดลง
เมื่อผู้ใช้อยู่ห่างจากชุมสายมากขึ้น
การทดสอบความเร็ว (Speed
Test)
ท่านสามารถทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตได้โดยเข้าไปที่
www.adslthailand.com
แล้วคลิกที่ Speed Test จากนั้น ก็จะทราบความเร็ว ตามตัวอย่าง ดังนี้ |
|
| |

รูปที่
2
ตัวอย่าง Speed Test ของอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์
|
|
| |
บทความที่ปรับปรุงเพิ่มขึ้นใหม่
(ปี 2565)
|
|
| |
อินเทอร์เน็ตแบบ
Fiber Optic
Updated @ 20.6.2022
ในปัจจุบัน (ปี 2565)
ได้มีการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ตแบบ
Fiber Optic หรือ อินเทอร์เน็ตไฟเบอร์กันอย่างแพร่หลาย
โดยมีการเปลี่ยนจากสายลวดทองแดงมาเป็นสายที่เรียกว่า Optical Fibre
เดินเข้ามาในบ้านหรืออาคารและมีอุปกรณ์ Fiber Optic
Router หรือ Wi-Fi Router
เพื่อกระจายสัญญาณ Wi-Fi ออกไปได้
หรือต่อสาย LAN
เข้ากับอุปกรณ์ต่างๆได้ รายละเอียดเกี่ยวกับ อินเทอร์เน็ตแบบ Fiber
Optic
อ่านบทความได้ที่
Link นี้
|
|
| |

รูปที่ 3 Wi-Fi
Router พร้อมติดตั้ง Cooling Fan |
|