Clothes Dryer with UV Sterilization

ชีวิตความเป็นอยู่ส่วนหนึ่งของคนในปัจจุบัน ใช้การซักเสื้อผ้าด้วยเครื่องซักผ้า (Washing Machine) ซึ่งมีมากมายหลายแบบให้เลือกใช้ สำหรับการทำให้ผ้าแห้งนั้น ใช้การตากแดดเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าไม่มีที่ตากผ้าเพียงพอหรือในกรณีที่ฝนตกไม่มีแดด ก็อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องอบผ้าแห้ง (Clothes Dryer) ซึ่งส่วนมากจะเป็นแบบถังใส่ผ้าจากทางด้านหน้ามีฝาปิดและอบด้วยความร้อนและหมุนปั่นผ้าให้แห้ง ตามรูปที่ 1 ซึ่งเครื่องแบบนี้เป็นที่นิยมใช้สำหรับการอบผ้าจำนวนมาก แต่ในระหว่างเครื่องทำงานจะมีเสียงดังพอควรและเครื่องมีขนาดค่อนข้างใหญ่
 

รูปที่ 1  เครื่องอบผ้าแบบถังหมุนและใส่ผ้าเข้าทางด้านหน้า (ขนาด 7.5 กก. ใช้ไฟฟ้า 1,520 วัตต์)

ผู้ที่อาศัยอยู่ตามหอพัก อพาร์ตเม้นต์และคอนโดมิเนียม ส่วนหนึ่งใช้การตากผ้าที่ระเบียงหรือใช้แขวนผ้าให้รับลมร้อนที่พ่นออกมาจากคอมเพรสเซอร์ของเครื่องแอร์ ซึ่งถือเป็นผลพลอยได้ที่ดีมากในการทำให้ผ้าแห้งได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องใช้แสงแดด และสำหรับคอนโดมิเนียมที่มีกฎระเบียบห้ามตากหรือแขวนเสื้อผ้าที่ระเบียง ผู้อยู่อาศัยก็อาจต้องมีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าของตนเอง หรือใช้บริการจากร้านที่มีเครื่องดังกล่าว

การอบผ้าให้แห้งสำหรับผ้าที่มีจำนวนไม่มากนักต่อวัน สามารถทำได้โดยใช้เครื่องอบผ้าขนาดเล็กที่มีความจุ 14 ถึง 60 ลิตร ซึ่งเครื่องดังกล่าววางไว้ในห้องได้ง่ายและดูสวยงาม ไม่มีเสียงรบกวนเวลาเครื่องทำงาน กินไฟน้อยและราคาไม่แพง ในบทความนี้แสดงการทดลองใช้เครื่องอบผ้าขนาดความจุ 60 ลิตรที่มีระบบฆ่าเชื้อโรคด้วยสำหรับเสื้อผ้าที่ใช้ประจำวันรวมทั้งผ้าเช็ดตัวด้วย และสำหรับการใช้งานในครัวได้ใช้เครื่องอบผ้าแห้งขนาดเล็กที่มีความจุเพียง 14 ลิตร สำหรับผ้าเช็ดจานชาม ผ้าทำความสะอาดต่างๆ โดยสามารถตั้งเครื่องบนเคาเตอร์ของครัวได้

Smart Clothes Disinfection Dryer 60 L (ราคา ณ ก.ค. 2563 ประมาณ 5,100 บาท)

เครื่องอบผ้านี้มีขนาดใหญ่พอควร ความจุ 60 ลิตร สามารถอบผ้าและฆ่าเชิ้อโรคได้ภายในตัวโดยรองรับการฆ่าเชื้อ 3 ขั้นตอน คือ

ขั้นตอนที่ 1 UV Antibacterial สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียแยกไรฝุ่นออกจากผ้าได้

ขั้นตอนที่ 2 Pasteurization มีกระบวนการทำลายเชื้อแบคทีเรียบางชนิดโดยการใช้อุณหภูมิความร้อนในการฆ่าแบคทีเรีย

ขั้นตอนที่ 3 Ozonization มีกระบวนการฆ่าเชื้อแบคทีเรียด้วยระบบ O3 ซึ่งถูกผลิตขึ้นจากแสงอัลตราไวโอเล็ต ปล่อยความร้อนได้ 360 องศา
ที่อุณหภูมิ 75 องศาเซลเซียส ทำให้เสื้อผ้าแห้งอย่างทั่วถึงและไม่ทำลายเนื้อผ้า และเมื่อปิดฝาเครื่องจะตัดการทำงานชั่วคราว

เครื่องอบผ้าแห้งตามรูปที่ 2 มีขนาด 43 x 30 x 80 ซม. ใช้ไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 1,000 วัตต์ โดยมีระบบควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในพิกัดที่กำหนด ไม่เกิน 75 องศาเซลเซียส ดังนั้นจึงไม่ได้ใช้ไฟฟ้า 1,000 วัตต์ตลอดเวลา จากการทดสอบวัดพลังงานไฟฟ้าที่ใช้จริงต่อการอบผ้าแห้งแบบ Full auto เป็นเวลา 3 ชั่วโมง ใช้ไฟฟ้า 1.50 kWh หรือเครื่องมี Load Factor 50%

การทดลองใช้งาน

1. การทดลองที่ 1 : ทำการอบแห้งผ้าแบบฆ่าเชื้อ Full Auto โดยใส่ กางเกงขาสั้น 1 ตัว ผ้าขนหนู 2 ผืน กางเกงใน 1 ตัว ใช้เวลาในการอบผ้า 3 ชั่วโมง ใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวน 1.52 หน่วย คิดเป็นค่าไฟฟ้า 7.00 บาท ผ้าที่อบแล้วแห้งสนิทดี

2. การทดลองที่ 2 : ทำการอบแห้งผ้าแบบฆ่าเชื้อ Full Auto โดยใส่ ชุดนอนเสื้อแขนสั้นและกางเกงนอนขายาวที่ซักแล้วและปั่นหมาดมาเล็กน้อย และผ้าสำหรับเช็ดทำความสะอาด 1 ผืน ใช้เวลาในการอบผ้า 3 ชั่วโมง ใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวน 1.42 หน่วย คิดเป็นค่าไฟฟ้า 6.53 บาท

3. การทดลองที่ 3 : ทำการอบแห้งผ้าแบบฆ่าเชื้อ Full Auto โดยใส่ ผ้าเช็ดตัวที่ซักแล้วและปั่นหมาดมาเล็กน้อย 1 ผืน ใช้เวลาในการอบผ้า 3 ชั่วโมง ใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวน 1.50 หน่วย คิดเป็นค่าไฟฟ้า 6.90 บาท

4. การทดลองที่ 4 : ทำการอบแห้งเสื้อหรือชุดนอนที่จะใช้ซ้ำ ใช้เวลา 30 นาที ผ้าก็แห้งสนิท

Clothes Disinfection Dryer ขนาดเล็ก (ราคา ณ ก.ค. 2563 ประมาณ 2,900 บาท)

เครื่องอบผ้าขนาดเล็กที่มีระบบฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV ในตัว อีกเครื่องหนึ่งมีขนาดกว้าง 32 สูง 38 ซม. มีความจุภายใน 14 ลิตร เหมาะสำหรับอบผ้าที่มีขนาดเล็ก เช่น เสื้อผ้าเด็ก ชุดชั้นใน ผ้าเช็ดจานชาม ผ้าที่ใช้ทำความสะอาดต่างๆ ผ้าขนหนูขนาดเล็ก ตาม Specification เครื่องนี้ใช้ไฟฟ้าช่วงที่สูงสุดประมาณ 810 วัตต์ และในการอบผ้าที่ตั้งแบบ Full Auto ให้ทำงานนาน 3 ชั่วโมง จะใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 1.2 หน่วย คิดเป็นค่าไฟฟ้าประมาณ 5.50 บาท

หมายเหตุ : การใช้ไฟฟ้าจะสูงสุดประมาณ 810 วัตต์ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะเมื่ออุณหภูมิสูงถึงพิกัด 70 องศาเซลเซียส จะมีระบบตัดไฟเพื่อควบคุมอุณหภูมิ หรือ Automatic Temperature Control ดังนั้น การใช้พลังงานไฟฟ้าจึงต้องทำการวัดด้วย Energy Meter

สรุป

1. เมื่อซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าอัตโนมัติและปั่นหมาดแล้ว ถ้ามีที่ตากผ้าเพียงพอและมีแดด ก็สามารถนำผ้าไปตากได้ตามปกติ เป็นวิธีที่ประหยัดที่สุด
2. ในกรณีที่ไม่มีที่ตากผ้าเพียงพอหรือมีแดดน้อยผ้าอาจจะไม่แห้ง ถ้าผ้ามีปริมาณมาก ควรใช้เครื่องปั่นอบผ้าแห้งแบบถังหมุน ซึ่งจะมีเสียงดังเวลาเครื่องทำงาน
3. ถ้ามีผ้าไม่มากนัก การใช้เครื่องอบผ้าแห้งที่มีระบบฆ่าเชื้อโรคด้วย ช่วยให้ได้ผ้าแห้งที่นุ่มนวลและสะอาด เครื่องอบผ้าแห้งอาจจะใช้ร่วมกันกับการนำผ้าส่วนหนึ่งไปตากแดดและอีกส่วนหนึ่งเข้าเครื่องอบก็ได้ การทำงานของเครื่องเงียบไม่มีเสียงรบกวนและใช้พลังงานไฟฟ้าไม่มากนัก
4. สำหรับการทำครัว มีความจำเป็นจะต้องใช้ผ้าเช็ดจาน ชาม ฯลฯ รวมทั้งผ้าเช็ดมือ ผ้าทำความสะอาดต่างๆอยู่เป็นประจำ ซึ่งผ้าเล็กๆเหล่านี้สามารถซักด้วยมือและนำเข้าอบแห้งรวมทั้งฆ่าเชื้อโรคด้วยเครื่องอบผ้าแห้งขนาดเล็กได้และเนื่องจากเครื่องมีขนาดเล็กจึงสามารถวางไว้ในครัวได้

References :
เครื่องอบผ้าแบบ Low Cost ที่ใช้ลมร้อนเป่าผ้า https://www.youtube.com/watch?v=gidc4jJFYCE

หมายเหตุ :
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูล เผยแพร่ความรู้และประสบการณ์สำหรับผู้ที่สนใจ ผู้เขียนไม่ได้ขายหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายอุปกรณ์ต่างๆที่นำมาแสดง