Digital Photography   Audio & Video   Computer Accessories   Software Applications | Miscellaneous | Home
....

เลือกการต้มน้ำร้อน ระหว่างความสะดวก กับความประหยัด
(Electric Hot Pot vs. Electric Kettle)

 
  การต้มน้ำร้อนเพื่อใช้ในบ้าน สำนักงาน ร้านอาหาร และร้านกาแฟ นั้น ที่ใช้กันมากๆ ก็เป็นน้ำร้อนเพื่อชงชา กาแฟ และเพื่อใช้ปรุงอาหาร แต่ก็มีส่วนหนึ่ง ที่ต้องใช้น้ำร้อนเพื่อชงนมสำหรับเด็ก ดังนั้นการใช้กระติกต้มน้ำร้อน หรือกาน้ำร้อน จึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการ Lifestyle ความสะดวก รวดเร็ว และคำนึงถึงความประหยัดในการใช้ไฟฟ้าด้วย 
 
 
  1. กระติกต้มน้ำร้อนแบบ Electric Hot Pot

กระติกต้มน้ำร้อนแบบอัตโนมัติ หรือ Electric Hot Pot  กรณีตัวอย่างที่ทดสอบได้แก่ Toshiba ขนาดความจุน้ำ 2.5 ลิตร, 3.0 ลิตรและ 4.5 ลิตร และ Panasonic ขนาด 3 ลิตร ซึ่งสามารถต้มน้ำให้ร้อน โดยมีโปรแกรมควบคุมรักษาอุณหภูมิให้คงที่ได้ 3 - 4 ระดับ คือ 98, 85 และ 60 องศา C หรือ 98, 90, 80, 60 องศา และถ้าต้องการน้ำเดือด ก็มีปุ่มกดเร่งให้น้ำเดือด 100 องศา C ได้ นับว่าสะดวกในการใช้งาน คือ ต้องการน้ำร้อนเมื่อไร ก็มีให้ตามต้องการตลอดเวลา

1.1. กระติกต้มน้ำร้อน Toshiba ขนาด 2.5 ลิตร
 


รูปที่ 1  กระติกต้มน้ำ Electric Hot Pot  Toshiba 2.5 ลิตร

ระติกต้มน้ำ Electric Hot Pot รุ่น PLK - 25 VE (รูปที่ 1) ซึ่งเป็นรุ่นของปี 2554 (22 มิ.. 54) มีระบบควบคุมการรักษาอุณหภูมิของน้ำที่ดี และน่าจะละเอียดขึ้น สังเกตจากการใช้ Electronic Energy Meter วัดกำลังไฟฟ้าที่ใช้ และน่าจะประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย ผลการทดสอบ เป็นดังนี้

1. เมื่อใส่น้ำเข้าไปในกระติก 2.5 ลิตร แล้วเสียบปลั๊กไฟฟ้าให้เครื่องทำงาน จะใช้ไฟฟ้าประมาณ 677 วัตต์ ทำการต้มน้ำ (Boiling Mode) และใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็จะมีอุณหภูมิ 100 องศา C  คือน้ำเดือดจนมีไอน้ำระเหยออกมา จากนั้น ประมาณนาทีที่ 23 - 24 ก็จะเปลี่ยนเป็น Warm Mode ซึ่งปกติตั้งไว้ที่ 98 องศา C

2. ในการต้มน้ำ นับจากใส่น้ำเข้าไปในกระติก จนน้ำเดือด จะเสียค่าไฟฟ้าประมาณครั้งละ 1.24 บาท (คิดค่าไฟฟ้าหน่วยละ 4.50 บาท)

3. ใน Warm Mode เพื่อรักษาอุณหภูมิน้ำไว้ที่ 98 องศา C ตลอดเวลานั้น ใช้ไฟฟ้า 64 วัตต์ ในขณะที่ทำความร้อนเพื่อชดเชยความร้อนที่สูญเสียไป และมีการปรับไปมาอยู่ตลอดเวลาโดยอัตโนมัติ บางเวลาที่ไม่ต้องการทำความร้อนมาชดเชย กำลังไฟฟ้าก็จะลดลงมาเหลือ 2 วัตต์

4. จากการวัดโดย Electronic Energy Meter ใน Warm Mode จะใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยประมาณวันละ 0.87 หน่วย  และถ้ารวมการใช้ไฟทั้ง Warm Mode และ Boiling Mode ทั้งหมดแล้ว จะเสียค่าไฟฟ้าเดือนละประมาณ 157 บาท

1.2. กระติกต้มน้ำร้อน Toshiba ขนาด 3.0 ลิตร  (รูปที่ 2 และ 3)

Specifications :

   • ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับตามต้องการ 60°C, 85°C และ 98°C
   • ปุ่มเร่งเดือด100° C อีกครั้งภายใน 2 นาที
   • โปรแกรมเดือด100° C ต่อเนื่องยาวนาน 3 นาทีทำให้ได้น้ำที่ร้อนและสะอาด
   • มีระบบล๊อกอัตโนมัติ ป้องกันไม่ให้เด็กได้รับอันตราย
   • ระบบ Auto Clean ล้างกระติกอัตโนมัติ
   • ภายในเคลือบ Healthy Flon เพื่อสุขภาพ
   • ไอน้ำน้อยช่วยถนอมเฟอร์นิเจอร์


รูปที่ 2  กระติกต้มน้ำ Electric Hot Pot  แบบดิจิตอล
ตอบสนอง
Lifestyle ของคนยุคใหม่


รูปที่
3  ส่วนควบคุมการทำงาน และจอ LCD
 

การทดสอบกระติกต้มน้ำ  Toshiba ขนาด 3.0 ลิตร

1. ในการต้มน้ำร้อน และรักษาอุณหภูมิของน้ำไว้ที่ 98 องศา C จะใช้ไฟฟ้า 64 วัตต์ เกือบตลอดเวลา มีบางช่วงที่ลดลงเหลือ 2 วัตต์ แต่เป็นระยะสั้นๆ และเมื่อกดปุ่มเร่งให้น้ำเดือดจะใช้ไฟฟ้า ประมาณ 653 วัตต์ หรือประมาณ 3 แอมแปร์

2. จากการวัดไฟฟ้าที่ใช้ โดย Electronic Energy Meter  ใน Warm Mode เพื่อรักษาอุณหภูมิน้ำไว้ที่ 98 องศา C ตลอดเวลานั้น ใช้ไฟฟ้า โดยเฉลี่ย ชั่วโมงละ 0.049 หน่วย หรือเดือนละ 35.77 หน่วย คิดเป็นค่าไฟฟ้าประมาณเดือนละ 160 บาท ซึ่งเมื่อรวมค่าไฟฟ้าในช่วงที่ต้มน้ำให้เดือด ก็จะรวมประมาณเดือนละ 200 บาท

1.3  กระติกต้มน้ำ Panasonic ขนาด 3.0 ลิตร

รุปที่
4 แสดงกระติกต้มน้ำ Panasonic ความจุ 3.0 ลิตร ขณะทำการทดสอบโดยใช้ Energy Meter วัดกำลังไฟฟ้า (วัตต์) และพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ (kWh) :ซึ่งผลการทดสอบเป็นดังนี้

1. ในการต้มน้ำร้อนให้เดือด จะใช้ไฟฟ้าประมาณ 770 วัตต์ และในขณะ Warm Mode รักษาระดับอุณหภูมิของน้ำไว้ที่ 98 องศา C จะใช้ไฟเพียง 7 วัตต์

(กำลังทดสอบการใช้พลังงานไฟฟ้า)
 


รูปที่ 4  กระติกต้มน้ำ Panasonic ขนาด 3.0 ลิตร


รูปที่ 5  ส่วนควบคุมการทำงาน และจอ LCD
 

1.4  กระติกต้มน้ำ Toshiba PLK - 45SE ขนาด 4.5 ลิตร

กระติกต้มน้ำ
Electric Hot Pot ขนาดใหญ่ ความจุ 4.5 ลิตร นั้น ในการต้มน้ำให้ร้อนจนเดือด จะใช้กำลังไฟฟ้า ประมาณ 738 วัตต์ ใช้เวลาต้มน้ำประมาณ 32 นาที น้ำก็จะเดือด จนมีไอน้ำระเหยออกมา จากนั้น ประมาณนาทีที่ 35 - 36  ก็จะเปลี่ยนเป็น Warm Mode ซึ่งปกติตั้งไว้ที่ 98 องศา C  และใน Warm Mode นั้น จะใช้ไฟฟ้า 70 วัตต์ หรือคิดเป็นค่าไฟฟ้าเดือนละประมาณ  200 - 210 บาท และเมื่อรวมการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดจะเป็นค่าไฟฟ้าเดือนละประมาณ 250 - 260 บาท
 

 
  2. กาต้มน้ำร้อนขนาดเล็ก (Electric Kettle)

กาต้มน้ำร้อนขนาดเล็ก มีความจุ
500 cc. เหมาะสำหรับต้มน้ำจนเดือดเพื่อใช้ชงชา กาแฟ โดยมีปริมาณชงกาแฟได้ครั้งละ 3 - 4 ถ้วย หรือใช้นการปรุงอาหารสำเร็จรูป  เช่นทำโจ๊ก บะหมี่  กาต้มน้ำร้อนขนาดเล็กนี้ใช้ไฟฟ้าประมาณ 532 วัตต์ การต้มน้ำร้อนจนเดือดสำหรับชงกาแฟ 1 ถ้วยจะใช้เวลาประมาณ 3 นาที และเป็นค่าไฟฟ้าประมาณ 12 สตางค์ แต่ถ้าใช้กาต้มน้ำแบบใหญ่กว่านี้ ก็มีแบบต้มน้ำเดือดเร็ว ได้ทันใจยิ่งขึ้น  พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ต้มน้ำจนเดือดต่อการชงกาแฟหนึ่งถ้วย ก็เท่าๆกันการเลือกใช้ จึงขึ้นอยู่กับความต้องการ เพราะถ้าใช้กาต้มน้ำขนาดใหญ่คนส่วนมากมักจะเติมน้ำลงไปมากเกินความต้องการเกือบ 2 เท่าเสมอ ดังนั้นจึงสิ้นเปลืองไฟฟ้าสะสมไปเรื่อยๆหากใช้โดยไม่ระมัดระวัง
 
 


รูปที่ 6  กาต้มน้ำขนาดเล็ก
 

 
 


รูปที่ 7  กาต้มน้ำขนาดเล็ก
 

 
  3.  สรุป

1)  การเลือกใช้กระติกต้มน้ำร้อน (Electric Hot Pot) นั้นควรใช้สำหรับกรณีที่มีการใช้น้ำร้อนบ่อยๆ  หรือใช้เป็นประจำ หรือต้องการใช้น้ำร้อนทันที เช่นใช้ในร้านกาแฟ ร้านอาหาร บ้านเรือน และสำนักงาน ซึ่งในการใช้งานนั้น ถ้าใช้น้ำร้อนบ่อยๆและใช้เป็นประจำทุกวัน ควรเปิดเครื่องไว้ตลอดเวลา ซึ่งจะใช้ไฟไม่มากนัก เพราะเมื่อต้มน้ำเดือดแล้ว เครื่องก็จะเข้าสู่ Warming Mode คือปล่อยกระแสไฟฟ้าไปปรับระดับความร้อนให้คงที่เป็นระยะๆ และใน Warming Mode นี้ ใช้ไฟฟ้าน้อยมาก และประหยัดกว่าการปิดเครื่อง แล้วมาเริ่มต้มน้ำใหม่ทุกวันๆ (แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัย 100% เวลาไม่อยู่บ้าน หรือไปต่างจังหวัดควรถอดปลั๊กไฟออก)

2)  ถ้าต้องการใช้น้ำร้อนน้อย หรือไม่ต้องการใช้อย่างเร่งด่วน ก็สามารถใช้กาต้มน้ำขนาดเล็กได้ เพราะมีราคาถูกและกินไฟน้อยกว่า
 
 

 

 
     
  Reference :

1. Toshiba Electric Hot Pot  กระติกน้ำร้อนดิจิตอล
 
 
 


วันที่ 20 มิ.ย. 2554
ปรับปรุงล่าสุด : 22 มิ.. 2565