... |
|
|
ผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือแบบธรรมดา ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อโทรออก
หรือรับสายโทรเข้า มีการส่งข้อความแบบ
SMS (Short
Message Service)
และส่งรูปภาพแบบ MMS (Multimedia
Messaging System)
ซึ่งค่าใช้จ่ายรายเดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการเลือก Package
สมมติว่าเดิมท่านมีค่าใช้จ่ายโทรศัพท์มือถือเดือนละ 700-800 บาท
เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Smart Phone โดยไม่เปลี่ยน
Package หรือเปลี่ยนไม่ทัน หรือยังไม่ครบรอบบิล ค่าใช้จ่ายรายเดือนอาจจะเพิ่มขึ้นมากมาย
เช่น เพิ่มเป็น 1,600 บาท หรือขึ้นไปเป็นหมื่นบาท
โดยที่ท่านแทบจะไม่ให้ใช้งาน Internet ส่งอีเมล์
หรือเข้าดู YouTube เลย ในกรณีดังกล่าวจะมี
SMS แจ้งมาจากผู้ให้บริการว่าท่านได้เข้าไปใช้เครือข่าย 3G/GPRS/EDGE
และค่าใช้จ่ายของท่านได้เพิ่มสูงขึ้นมากเขาก็จะมีบริการแนะนำให้รีบเปลี่ยน Package
การใช้ใหม่ให้เหมาะสม ซึ่งท่านควรจะต้องรีบเปลี่ยนทันทีและจริงๆ แล้ว
เมื่อมีการซื้อโทรศัพท์แบบ Smart Phone คนขาย
หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือควรจะต้องเน้นย้ำให้เปลี่ยน Package
การใช้เสียใหม่ แต่มีคนจำนวนมากที่ซื้อโทรศัพท์จากตัวแทนจำหน่าย
(Dealer)
ซึ่งเพียงแต่ขายเครื่องให้บางรายก็ไม่ได้ให้คำแนะนำ และในกรณีเปลี่ยน
SIM ไปเป็น Micro SIM
เราก็ต้องไปให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทำให้
ซึ่งบางแห่งก็ไม่ได้ให้คำแนะนำในการเปลี่ยน Package
การใช้เช่นกัน
ดังนั้นผู้ที่ต้องการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือจากแบบธรรมดา มาเป็น
Smart Phone เช่น iPhone 5, Samsung
Galaxy SIII, Nokia Lumia 920 ถ้าท่านไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น
ซึ่งอาจจะซื้อโทรศัพท์มือถือได้อีกเครื่องก็ควรพิจารณาการใช้ของท่านตามปกติก่อนว่าโทรออกเดือนละกี่นาที
ส่ง SMS, MMS เดือนละกี่ครั้ง
เป็นพื้นฐานซึ่งเช็คได้จากใบแจ้งหนี้ค่าโทรศัพท์รายเดือน แล้วเลือก
Package Smart Phone ที่เหมาะสม เช่น สามารถใช้
3G/EDGE/GPRS ได้ไม่จำกัด ใช้ Wi-Fi
ได้ไม่จำกัด เป็นต้น แล้วขอเปลี่ยน Package ทันที
แน่นอนว่า ค่าใช้จ่ายรายเดือนต่อไปนี้จะสูงขึ้น เพราะท่านใช้
Features ของ Smart Phone มากขึ้น
โดยใช้ทั้งส่วน Voice และส่วน Data
|
หมายเหตุ
:
ในบาง Package ที่ระบุว่าใช้ 3G/EDGE
ได้ไม่จำกัดนั้น ความจริงคือการใช้ Data
จะจำกัดอยู่ที่ 2 หรือ 3
หรือ 5 GB
ด้วยความเร็วสูงสุด (ซึ่งบางผู้ใช้บริการก็ไม่บอกแน่ชัดว่าเท่าไร คงขึ้นกับ Network
ระยะทาง
และจำนวนผู้ใช้) และเมื่อท่านใช้ครบตามปริมาณที่กำหนดแล้ว
ก็ยังสามารถเล่นเน็ตต่อไปได้ไม่จำกัด แต่ความเร็วสูงสุดได้เพียง 64 ถึง
128 Kbps ซึ่งลองนึกถึงสมัยก่อนที่ใช้อินเทอร์เน็ต โดยมีการ
Dial ผ่านโมเด็มความเร็ว 64 Kbps
มันไม่ค่อยมีประโยชน์แล้ว
ในโลกแห่งการสื่อสารปัจจุบัน |
ทำไมโทรศัพท์
Smart Phone จึงทำให้ค่าใช้จ่ายด้าน
Data เพิ่มสูงมากขึ้น
(ถ้าไม่เปลี่ยน
Package)
1. โทรศัพท์แบบ
Smart Phone
มีการตั้งค่าเชื่อมต่อ 3G/GPRS/EDGE/Roaming
ได้ การเชื่อมต่อทำได้โดยการเปิด Use Packet
Data เช่น กรณีของ Samsung Galaxy SIII
สามารถทำได้โดย
|
1.1 ตั้งแถบบน แตะที่
Mobile Data (A)
ในรูปที่ 2
|

รูปที่
2 แถบตั้ง
เปิด ปิด Functions
ต่างๆ เช่น Mobile Data
|
|
1.2 เข้าที่ Setting Data Usage
แตะ Mobile Data
หรือ
เข้าที่
Setting --> Data Usage แตะ More Setting
--> Mobile Network แตะที่
Use Packet Data
เมื่อมีการเปิด Mobile Data
ไว้ท่านก็จะสามารถใช้ Internet, e-mail,
เข้าชม YouTube ฯลฯ
ได้ แต่ทำนองเดียวกัน
Smart Phone
จะทำการติดต่อกับเครือข่ายผู้ให้บริการ และทำให้ปริมาณการใช้ Data
ของท่านสูงขึ้น อย่างน่าตกใจ
แม้ว่าท่านจะไม่ได้ใช้งานเลย ทั้งนี้เพราะมีการ
Download
หรือ Upload ข้อมูลของ
Applications ต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ในเครื่องโทรศัพท์มือถือโดยอัตโนมัติ เช่น
Facebook
ที่มีการแจ้ง Update
ต่างๆ โดยอัตโนมัติ เว้นแต่ท่านจะตั้งไม่ให้ทำการ
Update โดยอัตโนมัติ หรือให้แจ้งให้ทราบก่อน
นอกจากนั้นด้านการใช้
Internet ซึ่งอาจใช้ข้อมูลมากกว่าที่ต้องการ
ดังนั้นอาจจำเป็นต้องปิดการโหลดของข้อมูลในโหมด Background
ของ
Applications เช่น กรณีของ Samsung
Galaxy SIII
ทำได้โดยไปที่
Data Usage
-->
แตะที่ด้านล่างสุดซ้ายมือ -->
Restrict Background Data
--> แตะ OK
|
2. การเชื่อมต่อ Wi-Fi
การเปิดใช้ Wi-Fi ถ้าท่านมีระบ
Wi-Fi
ที่บ้านเป็นความสะดวกอย่างหนึ่ง
แต่เมื่อไปสถานที่ต่างๆที่มีบริการ Wi-Fi สาธารณะ
บางแห่งจะเข้าใช้งานได้ บางแห่งจะต้องมีรหัสผ่าน การใช้ Wi-Fi
นั้น ได้ความเร็วสูง แต่ระยะทางสั้น สำหรับเครื่อง
Smart Phone ก็เหมือนกับอุปกรณ์อื่นๆอีกมากที่มี
Sleep Mode หรือเพื่อประหยัดการใช้ไฟ แต่เป็นระบบ
Standby เครื่องพร้อมที่จะใช้งาน ถ้ากดปุ่ม
หรือเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามา ถ้าเราสังเกตุเมนูการตั้ง Wi-Fi
ถ้าเราตั้ง Keep Wi-Fi on during sleep
แล้วตั้งที่ Always
ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าเราไปปิด Wi-Fi ระบบ
Android คงจะพยายามไปหาทางเข้าใช้ด้านอื่น คือไปทาง
3G/GPRS/EDGE ซึ่งจะทำให้การใช้งาน Data
เพิ่มขึ้น สำหรับการ Run ที่เป็น
Background ทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นได้
|

รูปที่
3
แถบตั้ง เปิด ปิด Functions
ต่างๆ เช่น Wi-Fi, GPS
|
|
ตัวอย่างการที่
Smart Phone
ทำงานเองโดยใช้เวลาไปถึง 777 นาที ใน 1
วัน
จากการทดลองเปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือ โดยให้เชื่อมต่อ
Mobile Data เอาไว้
พบว่าทำให้ชั่วโมงการใช้งานเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ตามตัวอย่างข้างล่าง เพียง
1 วัน มีการใช้ GPRS/EGDE
ถึง 777 นาที (ประมาณ
13 ชั่วโมง)
ทั้งๆที่ไม่ได้ใช้เลย ดังนั้น หากผู้ใช้ไม่ทราบเรื่องนี้
ก็จะต้องจ่ายค่าโทรศัพท์เพิ่มขึ้นมาก และก็คงมีคนที่ซื้อมาใช้ใหม่ๆ
จำนวนหนึ่ง ที่ไม่ทราบ ก็ต้องจ่ายเงินให้บริษัทผู้ให้บริการไป
 |
|

สรุป
1.
เมื่อต้องการเปลี่ยนมาใช้
Smart Phone
ควรศึกษาการใช้งาน และเลือก
Package ให้เหมาะสมทันที
โดยไปเปลี่ยนที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ
หรือติดต่อทางโทรศัพท์ หรือใช้เว็บไซต์ และควรใช้
Package
ที่จัดไว้สำหรับ
Smart Phone นั้นๆ โดยเลือกการใช้
3G/EDGE/GPRS แบบไม่จำกัด
(Unlimited)
2. ในการเปลี่ยน Package ใหม่นั้น
ผู้ให้บริการจะให้ท่านใช้ Package เดิมไปก่อน
จนครบรอบบิล ซึ่งอาจเป็น 1 เดือนเต็มๆ ดังนั้น
ในช่วงที่รอ เข้า Package ใหม่ ถ้าท่านไม่ระวัง
เปิด Mobile Data และ Wi-Fi
ทิ้งไว้ รับรองได้เลยว่า ค่าโทรศัพท์ของท่าน
อาจจะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับหมื่นบาทก็ได้ (นอกจากจะมีการจำกัดวงเงินการใช้เอาไว้ล่วงหน้าก่อน)
3.
Feature บางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องใช้งาน
ควรปิดไว้ เพื่อให้แน่ใจว่า ค่าบริการรายเดือนอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
และยังเป็นการประหยัดการใช้ไฟแบตเตอรี่ของเครื่องด้วย (บางคนปิดเครื่องเวลาเข้านอน
แต่มักจะลืมเปิดตอนเช้า บางคนปิด Mobile Data
เวลาเข้านอน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการใช้ส่วนของ
Data ให้เปลืองขึ้น)
4.
แม้จะเลือก
Package
แบบ
Unlimited แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอื่นๆอยู่ เช่น โทร ออกได้
300, 400, หรือ 500
นาทีต่อเดือน ถ้าใช้มากกว่านั้น ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ดังนั้น
จึงควรระวังเรื่องการโทรออกไปเองโดยเราไม่รู้ตัว โดยการ
Lock Screen เอาไว้
และต้องตรวจดูด้วยว่า มีอะไร ทำงานอยู่ใน Background
หรือไม่
5. หมั่นเข้าไปตรวจเช็คค่าใช้บริการโทรศัพท์ในรอบบิล เช่น
ถ้าใช้ของ AIS ก็เข้าไปที่
เช็คค่าใช้บริการ
AIS e-Service
ถ้าใช้ของ
True ก็เข้าไปที่
True iService
ถ้าใช้ของ
DTAC ก็เข้าไปที่
DTAC eService
เพิ่อตรวจดูว่าค่าใช้จ่ายเป็นเท่าไรแล้วและมีค่าใช้จ่ายผิดปกติเกิดขึ้นจากการโทรออก และจากการใช้
GPRS/EDGE/3G หรือWi-Fi
หรือไม่ |
|
|