|
|
|
รถยนต์
Mercedes Benz E250 CGI คันนี้ เป็น
Lot แรกที่ผลิตออกมาในประเทศไทย โดยมีการประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.
2552 โดยบริษัท
Mercedes-Benz ประเทศไทย
หลังจากใช้รถไประยะหนึ่ง ได้ไปคุยกับคุณสุชาติ ที่ Suchart Sound
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.
2553 และคุณชาติ
ได้เสนอระบบเครื่องเสียงที่ใช้
Amplifier (แอมป์)
ชนิดที่ใช้หลอด Vacuum Tube บางส่วน ร่วมกับพวก
Solid State /
Transistor หรือจะเรียกว่าเป็นแอมป์แบบ Hybrid
ก็ได้ แต่ในขณะนั้นยังไม่มีของ ต้องรออีกประมาณ 45 วัน (และได้ล่าช้าไปเป็น
ประมาณ
70 วัน) เพราะเป็นการสั่งผลิตจากต่างประเทศ
และคงจะต้องมีการปรับปรุง หรือ Modify ให้เหมาะกับการใช้งานและรสนิยมของคนไทย
ซึ่งแอมป์หลอดดังกล่าว Lot
แรก
คาดว่าจะเข้ามาทาง Air Freight
ประมาณสิ้นเดือน มิ.ย. 2553
 |
|

รูปที่ 11
Mercedes Benz E250 CGI

ระหว่างที่รอคอย ก็ได้ศึกษาเรื่อง แอมป์หลอดที่ใช้ในรถยนต์ พบว่า มีอย่างน้อย
7 ยี่ห้อ ที่มีข้อมูล และมีร้านประดับยนต์ติดตั้งแอมป์หลอดกันบ้างแล้ว แต่ไม่ค่อยพบบทความ
หรือการทดสอบการใช้งานที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าคุณภาพเสียงเป็นอย่างไร และมีความคงทนแค่ไหน อย่างไรก็ตาม
สำหรับนักเล่นเครื่องเสียงรุ่นเก่าๆ ยอมรับได้ว่า เสียงที่ได้จากการใช้หลอด ในภาคปรีแอมป์นั้น ควรจะดีกว่าการใช้
Transistor แต่ยังมีข้อสังเกต อีกข้อหนึ่งก็คือ อายุการใช้งานของหลอด และการที่ต้องรับแรงสั่นสะเทือนในรถยนต์
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้แอมป์หลอดกับเครื่องเสียงรถยนต์
เป็นเรื่องที่น่าสนใจ และน่าลอง เพราะเราอาจจะเบื่อกับการใช้แอมป์แบบ Transistor
และเสียงที่ฟังกันมานานในรถยนต์ ลองมาใช้แอมป์หลอด ซึ่งน่าจะให้เสียงที่ละเอียด ชัดเจน เป็นธรรมชาติมากขึ้น
และแอมป์หลอด
Purist Super Tube One
ซึ่งทาง
Suchart Sound
เปิดตัวเมื่อเร็วๆนี้ ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับแอมป์ที่นิยมกันมากๆ
สำหรับหลอดนั้น ถ้าค้นหาทางเว็บไซต์ จะพบว่ามีขาย และบางรุ่น รับรองอายุการใช้งานถึง 10,000
ชั่วโมง แต่ส่วนมากจะเป็นหลอดที่ผลิตมานานแล้ว และมีบางเบอร์ที่ผลิตใหม่ (Reissue) รวมทั้งหลอดที่ผลิตในประเทศจีน
สำหรับหลอดที่ใช้ในแอมป์ Purist เป็นหลอดขนาดเล็ก
โอกาศที่ใส้หลอดจะขาด เนื่องจากแรงกระแทก มีน้อยมาก
Purist Audio - Super Tube One
วันที่ 30 มิถุนายน 2553
เป็นวันที่ได้นำรถเบนซ์ E250 CGI
ไปติดตั้งเครื่องเสียงที่ Suchart Sound ตั้งแต่เช้าและได้ถ่ายภาพและวิดีโอมาบางส่วน สำหรับตัวแอมป์
Purist Vacuum Tube Hybrid Amplifier นี้ มีขนาดกระทัดรัด น้ำหนักค่อนข้างจะเบา
ดังนั้นการติดตั้งที่ด้านท้ายรถจึงจะทำได้สวยงาม สำหรับตัวแอมป์หลอด Purist นี้ มีรูปถ่ายในมุมใหม่
และรูปที่เปิดฝาออกมา ตามรูปที่ 12 และ รูปที่
13
|
|

รูปที่ 12
Purist Audio - Super Tube One


รูปที่ 13
ภายในตัวแอมป์ แสดงหลอดที่ใช้ 2
หลอด ซึ่งสามารถเปลี่ยนเองก็ได้
โดยควรใช้หลอดทั้งคู่ ที่เป็น
Matched Pair
HD วิดีโอที่
Post ลงใน YouTube
(New Version : 3 : 29 Min)
Configuration
ของระบบเสียง
โดยที่แผงคอนโซล Dash Board ของรถ
Mercedes Benz E250 CGI ทำมาสวยดีแล้ว
ดังนั้นจึงประสงค์จะใช้ Head Unit หรือ
Front เดิม และเพื่อให้สัญญาณเสียง ที่ออกจาก Front
Unit ไปยังภาคปรีแอมป์และแอมป์ ดีขึ้น จึงต้องใช้อุปกรณ์
Audison
Bit One Processor ซึ่งเป็น Digital
Signal
Processor มาช่วย และ Bit One ยังมีตัว
DRC (Digital Remote Control) สามารถปรับเสียงได้อีก ระบบเสียง มีแผนผังการต่อวงจร ตามที่แสดงไว้ใน
รูปที่ 14 |
|

 
รูปที่ 14
การต่อระบบเสียงที่ใช้แอมป์หลอด แบบ
Tri-Amp Front และ
Bi-Amp Rear
รายละเอียดของลำโพง
Boston Acoustic :
ผลการทดสอบคุณภาพเสียง
คุณ พิเชษฐ์ วงศ์นาค แห่งคอลัมน์ Car Audio หนังสือพิมพ์ Bangkok Post
ได้มาทำการทดสอบระบบเสียง ในวันที่
1 ก.ค.
2553 เวลาประมาณ 17.00
- 18.15 น. โดยนำแผ่น CD
ที่ใช้ทดสอบมาหลายแผ่น และได้ให้คำแนะนำต่างๆ คุณสุชาติ ได้ใช้ Notebook
PC ต่อสาย USB เข้าเครื่อง
Audison
ทำการปรับจูนเสียง โดยมีผมนั่งฟังอยู่ด้วยและผลการปรับจูนเสียง
ได้ผลดีมาก เสียงเพลงที่เล่นจากแผ่น CD แบบ
Audiophile
และแบบธรรมดาบางแผ่น ให้เสียงที่ชัดเจน แยกเสียงแหลม เสียงกลาง และเสียงทุ้ม เสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น และเสียงร้อง ได้ดีมาก
นอกจากนั้น Seperation ซ้าย ขวา หน้า หลัง ชัดเจนมาก
สิ่งที่น่าทึ่งก็คือ ในการปรับจูนเสียงนั้น
ตั้ง Treble และ Bass ไว้ที่ตรงกลาง
(Flat) แม้กระนั้น เสียงที่ได้ออกมา
ก็มีเสียงทุ้มที่นุ่มนวล และยังปรับให้ทุ้มหนักขึ้นได้อีกถ้าต้องการ โดยเสียงทุ้มไม่บวม
ส่วนเสียงแหลมก็ไม่แตก ข้อดีส่วนหนึ่งมาจากลำโพง
Boston
SPZ6 ซึ่งยอดเยี่ยมมาก และจากระบบต่างๆ โดยเฉพาะแอมป์หลอด Purist
Audio ที่เปลี่ยนมาใช้หลอดของ
Mullard
ECC88 ด้วย
วันที่
16 ก.ค.
2553 ได้นำรถกลับไปที่ Suchart Sound
อีกครั้ง เพื่อทำการปรับจูนเสียง หลังจากติดตั้งเครื่องเสียงมาได้ 15 วัน นับว่าเร็วไปหน่อย ยังไม่ทัน
Burn In แต่เนื่องจากมีเวลา ก็ลองไปจูนอีกครั้ง คราวนี้คุณสุชาติ จูนอย่างละเอียด โดยใช้แผ่น Audiophile 2
แผ่น และผมเองก็นำไป 2 แผ่น ในการจูน สามารถบันทึกลงในหน่วยความจำ ที่อยู่ในเครื่อง Audison Bit One
ได้หลาย Style เดิมบันทึกลงใน
Style A เท่านั้น แต่ในครั้งนี้ บันทึกลงใน Style A
ที่ปรับค่าใหม่หมด และ Style B
โดย Style A จะให้เสียงแหลม
ที่โดดเด่นมาก และ Style B
ให้เสียงแหลมที่แหลมแต่ไม่แหบ ส่วนเสียงทุ้มนั้น ปรับให้เล่นแบบทุ้มลึก ได้ผลดีมาก ฟังแล้วดีขึ้นกว่าครั้งแรก
บทความที่คุณพิเชษฐ์
ทำการทดสอบเสียง ได้ลงพิมพ์ในคอลัมน์ Audio
หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ฉบับวันศุกร์ที่ 16 ก.ค.
2553
คลิกอ่านได้ที่นี่
วันที่
31 ก.ค.
2553 ได้นำแผ่น CD Purist
Audio Design - System Enhancer Rev - B มาเล่นกับเครื่องในรถยนต์ เป็นเวลา 74 นาที
เพื่อช่วยในการปรับปรุงคุณภาพเสียง หรือช่วยในการ Burn In
วันที่
10
ม.ค. 2554

คุณสุชาติได้โทร
นัดให้นำรถไปปรับจูนเสียงใหม่เนื่องจากใช้งานไปนานพอสมควรและน่าจะ Burn
In แล้ว
ดังนั้นผมจึงได้นำรถไปจูนเสียงอีกครั้ง ในวันที่ 13 ม.ค.
ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
โดยคุณสุชาติ ได้ตั้ง โปรแกรมที่จูนใหม่ Save ไว้ที่โปรแกรม C
และ D
เพื่อจะได้เปรียบเทียบกับการจูนครั้งก่อน ที่ใช้โปรแกรม A
และ B
ที่ตัว Audison Bit One
และหลังจากการจูนแบบละเอียดในครั้งนี้
พบว่าเสียงดีขึ้นมากทีเดียว คราวนี้ ฟังเพลงที่ชื่นชอบ เช่นเพลงจากแผ่น Audiophile
แล้ว ยิ่งเพราะมากขึ้นกว่าเดิมจนไม่อยากออกจากรถ นับว่าสุดยอดจริงๆ
CD Audiophiles
คลิกที่นี่
เพื่ออ่านเรื่อง CD Audiophile ที่น่าสนใจ
สำหรับผู้ที่รักการฟังเพลงที่มีคุณภาพ
นอกจากท่านจะมีเครื่องเสียงติดรถยนต์ที่ดีแล้ว ก็ควรจะต้องหาแผ่น
CD Audiophile มาใช้ด้วย แผ่น
CD ประเภทนี้ มีนำเข้ามาจากประเทศจีน ฮ่องกง
สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกาและ
เยอรมันนี เป็นต้น และมีขายหลายแห่ง โดยเฉพาะร้านเครื่องเสียงชั้นนำ
เช่น ที่ สยามพารากอน และเดิมที่ Central World Plaza ส่วนการสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ต ก็มีเว็บไซต์ที่ให้บริการนี้หลายเว็บ ซึ่งก่อนที่จะสั่งซื้อ
ควรสอบถามทางร้านก่อนว่ามีของในสต๊อคหรือไม่ และควรเลือกแผ่นที่.หม่ๆ เพราะเทคโนโลยีในการทำ ควรจะดีกว่ารุ่นเก่าๆ
แต่ก็มีประเภทที่เล่นดนตรีและขับร้องใหม่หมด ซึ่งสามารถจัดระบบการบันทึกเสียงที่ทันสมัยได้
จะมีการเน้นเสียงจากเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น แยกเสียงออกมาได้ชัดเจนดี เสียงร้องก็เด่นชัด
แต่เพลงส่วนหนึ่งจะมาจากเป็นวงดนตรีขนาดไม่ใหญ่นัก |
|


|