|
กล้อง Olympus E-P2 ติด Electronic View Finder |
|
กล้อง
Olympus E-P2 และแฟลช FL-14 |
กล้อง
Olympus E-P2 ต่อ Adapter และใช้เลนส์
Nikon
ดูภาพขยายอีกภาพหนึ่ง |
ภาพการใช้
Adapter ต่อกล้อง Olympus Pen กับเลนส์อื่น
เช่น F Mount ของ Nikon
พบกับประสบการณ์ในการใช้
และ การทดสอบ |
1.
การถ่ายภาพโดยใช้โหมด
i-Auto
การถ่ายภาพโดยโหมด i-Auto และตั้งขนาดภาพเป็น
L (Large) และ
SF (Super fine) ทำให้ได้ภาพที่ดี
และสามารถใช้ในการถ่ายภาพในกรณีที่มีแสงน้อยๆ
ได้ภาพที่คมชัด
โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง แต่ขนาดไฟล์ภาพจะใหญ่ขึ้นกว่าการใช้โหมด
P (Programmable) |
2.
การใช้
Electronic View Finder
View Finder ที่มากับกล้อง
มีประโยชน์มากในการถ่ายภาพ
โดยเฉพาะเมื่อถ่ายในที่มีแสงแดดจ้า ซึ่งปกติ
ถ้ามองที่จอ LCD จะเห็นภาพได้ไม่ชัด
ดังนั้นจึงควรมองภาพผ่าน EVF ซึ่งมีคุณภาพดี
มีความสว่างมาก สามารถประกอบภาพได้ดีทีเดียว นอกจากนั้น
ยังเป้นการประหยัดแบตเตอรรี่ด้วย
ทำให้ถ่ายภาพได้มากขึ้น
แต่สิ่งที่ควรแก้ไขก็คือ
เมื่อใช้ View Finder ถ่ายภาพแล้วมันไม่แสดงภาพให้ดูที่จอ LCD
โดยอัตโนมัตเราต้องไปปิด EVF แล้วเปิดดูภาพเอง แต่ถ้าทำบ่อยๆ
ก็ชินไปเอง |
3.
การถ่ายภาพโดย
i-Auto / i-Enhance
ใน Picture Mode เราสามารถตั้งความละเอียดของภาพได้หลายแบบ
เช่น i-Enhance, Fine, Medium, Small แต่สำหรับการถ่ายภาพที่ดี
เรามักจะตั้งไว้ที่ Fine (F) หรือ
Super fine (SF) โหมด i-Auto นั้น
พบว่ามีประโยชน์มากทีเดียว |
4.
การใช้เลนส์ซูม
14 - 42 มม. (14-42 mm Zoom Lens)
เลนส์นี้สามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้ดี
จะเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปและสำหรับการซูมนั้น
ก็ทำได้พอสมควร คือซูมได้ 42
มม. ซึ่งเทียบเท่ากับ
84 มม. ของกล้องฟิล์มแบบ
35 มม. จึงไม่มากนัก
การถ่ายภาพระยะใกล้นั้น เลนส์นี้ มีระยะโฟกัสได้ชัด
ใกล้ที่สุด 25 ซม.
แต่สามารถใช้การซูมเข้ามาสุดแบบ Tele แล้วระยะโฟกัสใกล้ที่สุดในการถ่ายแบบ
Close Up คือประมาณ
15 ซม.
ซึ่งนับว่าดีมาก (อ่านรายละเอียดได้ที่
Link นี้) ดังนั้น พกพาเลนส์อันนี้ติดกล้องไปตัวเดียว
ก็เพียงพอสำหรับการใช้งาน
ยกเว้น ถ้าอยากจะซูมที่ระยะไกลๆมากยิ่งข้น
ก็จะต้องหาเลนส์เพิ่มอีกต่างหาก |
5.
การใช้เลนส์ Panasonic 20 mm.
f1.7
ในขณะที่เขียน มีเลนส์ Pancake
เพียงของ Olympus และของ Panasonic
เท่านั้น ซึ่งแม้ว่าเลนส์ Panasonic 20 mm f1.7
จะแพงกว่ามาก แต่เมื่ออ่านจากการใช้งานของรายอื่นๆแล้ว ส่วนมากนิยมเลนส์ตัวนี้ อาจจะด้วย f1.7
ที่ถ่ายภาพในกรณีที่มีแสงน้อยได้ดีกว่า และได้นำมาใช้กับกล้อง Olympus E-P2
ถ่ายภาพออกมาเทียบกันกันเลนส์ 14 - 42 มม.
ก็พบว่าดีมาก อ่านรายละเอียดที่
กล้อง Olympus Pen E-P2 กับเลนส์
Panasonic 20 mm f1.7และ
กล้อง
Olympus
Pen E-P2 กับการถ่ายภาพระยะใกล้ แบบ Close-up |
6.
การโฟกัส (Focus)
กล้อง Olympus E-P2 ไม่มีไฟช่วยในการโฟกัส
และจะโฟกัสช้ากว่า
กล้อง Panasonic GF1 แต่โดยทั่วๆไป
โฟกัสทำได้ดี ยกเว้นในที่ๆมีแสงน้อย อาจจะโฟกัสไม่ได้
ดังนั้น ในการถ่ายภาพ
จึงควรใช้โหมด i-Auto ซึ่งจะช่วยได้บ้าง
ถ้าโฟกัสไม่ได้
ให้ลองเบนกล้องไปที่ใกล้เคียง
ซึ่งอาจจะโฟกัสได้ แล้วใช้โฟกัสล็อค
หรือกดชัตเตอร์ลงไปครึ่งทาง
แล้วหันกล้องกลับไปที่เดิม ก็จะถ่ายภาพได้ |
7.
การถ่ายวิดีโอ
(Video)
การถ่ายวิดีโอ
ควรใช้ความละเอียดสูง 1280 x 720
พิกเซล ซึ่งก็นับว่าได้ความชัดเจนดีพอควร การถ่ายวิดีโอ
จะทำได้นานสูงสุด 7 นาที
และการซูมภาพ ก็ทำได้ Smooth ดีพอควร (ผู้ที่สนใจ
ควรเทียบกับกล้องPana-sonic GF1 ดูด้วย) แต่ถ้าจะซูมภาพ
ก็ควรใช้ขาตั้งกล้องจะได้ผลดีกว่าแบบ Handheld เพราะจะต้องซูมโดยการหมุนที่เลนส์
และการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องถ่ายรูป คงจะไม่ได้ได้คุณภาพดีเท่ากล้อง
HD วิดีโอ เช่น
การซูมเข้า ซูมออก อาจจะไม่ Smooth
เท่า บางครั้ง
เวลาเลนส์ทำงานปรับโฟกัส หรือเมื่อเรากดถ่าย
กดหยุดถ่าย
อาจจะมีเสียงเข้าไปในวิดีโอบ้าง
แต่ก็ถือว่าเป็น Feature ที่ให้มาประกอบ
เอาไว้ใช้ถ่ายสั้นๆได้ดี |
8.
คุณภาพของภาพถ่าย (Picture Quality)
โดยทั่วไป
ภาพที่ได้มีคุณภาพดีมาก
มีความสวยงาม คมชัด สีสวย Noise
จากภาพที่มีแสงน้อยและ Shadow Noise นับว่าน้อยมาก
ภาพที่ได้ดูเนียนดี และสามารถสู้กับกล้อง
SLR ระดับต้นๆ ถึงระดับกลาง ได้ ---> |
9. การถ่ายภาพโดยใช้ไฟแฟลช
(Flash Photography)
ไฟแฟลช (Electronic Flash) ขนาดเล็กที่เหมาะกับกล้องนี้
คือรุ่น FL-14 ซึ่งมีขนาดเล็กมากและหนักเพียง 85 กรัม
มีคุณภาพดี ใช้เสียบเข้าที่ช่อง Hot
Shoe มีระบบ TTL-Auto, Auto และ Manual
ใช้แบตเตอรี่ขนาด AAA
2 ก้อน
อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ |
|
|
กล้องดิจิตอลแบบใหม่
ระบบ Micro Four-Thirds
ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับกล้องแบบ
SLR ถ่ายภาพได้สวยงาม
โดยสามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้
แต่มีขนาดเล็กลงมาก
สะดวกในการพกพา ในขณะที่เขียน (6 พ.ย.
52)มี 2
ยี่ห้อที่กำลังแข่งขันกันได้แก่ Olympus Pen E-P1
ซึ่งประกาศเปิดตัวเมื่อวันที่ 16
มิถุนายน 2552 และต่อมา Panasonic ได้ประกาศเปิดตัวกล้อง Panasonic DMC-GF1
เมื่อ 2 กันยายน 2552 โดยกล้องทั้ง
2
รุ่น มีความคล้ายกัน
แต่จากการทดสอบโดยเว็บไซต์ dpreview
ได้ระบุข้อเด่น ข้อด้อย
ของแต่ละกล้องเอาไว้อย่างละเอียด
สรุปสั้นๆได้คือ กล้อง Panasonic GF1
ทำการโฟกัสได้เร็ว
มีไฟช่วยในการโฟกัส มีแฟลชในว
แต่ภาพที่ถ่ายแบบ
jpeg จะมี Dynamic Range ต่ำกว่าถ้าจะให้สวย
ต้องถ่ายแบบ RAW สำหรับกล้อง
Olympus
E-P1
นั้น โฟกัสได้ช้ากว่าเล็กน้อย
ไม่มีไฟช่วยในการโฟกัส
ไม่มีไฟแฟลชในตัว แต่ภาพถ่ายแบบ
jpeg จากการทดสอบของ
dpreview มี Dynamic Range ดีกว่า
จากการทดสอบโดย dpreview
ทำให้เห็นว่า
ผู้ที่จะใช้กล้องแบบนี้
อาจจะต้องคิดมาก
เพราะนอกจากจะมีราคาแพง เทียบเท่ากับกล้อง SLR รุ่น
Entry Level ถึงรุ่นกลางๆ แล้ว
ขณะนี้ยังมีเลนส์ให้เลือกใช้ไม่มาก
ที่มากับชุดกล้องแบบ Kit
มีเลนล์ให้เลือกเพียง 2 แบบ
แต่ในกลางปี 2553 จะมีเลนส์ของ
Olympus ออกมาอีก 2 แบบ
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2552
หรือเพียง 5 เดือน
หลังจากเปิดตัวกล้อง Olympus E-P1
รายนี้ก็ได้ประกาศเปิดตัวกล้อง Olympus Pen E-P2
เมื่อตรวจดูว่ามีอะไรใหม่ๆมาเพิ่มขึ้น
เมื่อเทียบกับรุ่น E-P1
ก็พบดังนี้
1. ปรับปรุง Hot-Shoe
โดยเพิ่มเติมอุปกรณ์ช่องมองภาพ
(External View Finder) ที่มีมุมรับภาพ 100%
และยกขึ้นในมุมเงยได้ 90 องศา
โดยเพิ่มพอร์ทข้างใต้ Hot-Shoe
และสามารถต่อไมโครโฟนภายนอกได้
โดยอุปกรณ์ View Finder
เป็นชุดมาพร้อมกับกล้อง
2.
ปรับปรุงเพิ่มระบบโฟกัสภาพต่อเนื่อง
(AF Tracking) ซึ่งใช้ได้ทั้งภาพนิ่ง
และวิดีโอ
3. เพิ่ม Art Filters อีก 2 แบบ
4. เพิ่มฟังชั่น i-Enhance
ที่ช่วยเร่งสีให้จัดจ้านขึ้น
5. สามารถควบคุมการเล่น Slide Show
ได้โดยผ่าน HDMI
สำหรับเรื่องที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็คือ
Olympus E-P2 ยังคงใช้จอ LCD
ที่มีความละเอียด 230,000
พิกเซล ไม่มีไฟช่วยในการโฟกัส
และไม่มีไฟแฟลชในตัว ซึ่งทาง Olympus
คงจะมีเหตุผลในเรื่องดังกล่าว
เช่น เป็นการรักษารูปแบบการ Design เดิมๆ (Retro Design) ของกล้อง
Olympus Pen เอาไว้ ส่วนจอ LCD
ถ้าดูได้ไม่ชัดในกรณีถ่ายภาพกลางแจ้ง
ก็ให้ติด View Finder ดูได้
และการถ่ายภาพในที่มืดแสงน้อยก็อาจต้องการให้ตั้ง ISO สูงๆ
ซึ่งอาจจะไม่ต้องการไฟแฟลช
แต่ก็อาจมีปัญหาในการถ่ายภาพแบบที่เราต้องการใช้ไฟแฟลช แบบ Fill Flash
ซึ่งแน่นอนว่า ต้องจัดหา External Flash
เอาเอง ทำให้ต้องขนอุปกรณ์พวกนี้ไปด้วย
สำหรับเรื่องความเร็วในการโฟกัสนั้น
ยังคงเหมือนเดิม
ในด้านราคานั้น
ได้เพิ่มสูงขึ้นมาก จากเดิม E-P1
ราคาประมาณ 800 เหรียญสหรัฐ หรือ 29,900
บาท ในประเทศไทย แต่รุ่น E-P2 ราคา 1,099
เหรียญสหรัฐ แพงขึ้น 37%
ในประเทศไทยคงจะขายในราว 40,000
บาท โดยได้ช่องมองภาพภายนอก
และเลนส์คิทหนึ่งตัว ระหว่าง ZUIKO
Micro 4/3 14-42 mm f3.5-5.6(เทียบ เท่า 28-84 mm กล้องฟิล์ม 35 มม.)
หรือ เลนส์แพนเค้ก 17 mm f2.8
กำหนดวางตลาดในต่างประเทศ :
มกราคม 2553 (แต่ได้เปิดตัวในงาน
Photo fair 2009
ที่ ไบเทค บางนา แล้ว)
ความละเอียด
12.3
ล้านพิกเซล
(Effective)
ใช้เซนเซอร์ 4/3" Hi-Speed Live MOS
จอ LCD ขนาด 3" ความละเอียด 230,000
พิกเซล
ขนาดภาพใหญ่ที่สุด 4032 x 3024 พิกเซล
อัตราส่วนของภาพ 4:3, 3:2, 16:9, 6:6
ฟอร์แมทของไฟล์ RAW, RAW+JPEG, JPEG, AVI Motion JPEG
ระบบออโต้โฟกัส : มี AF Tracking
ISO : Auto, 200 -3200, Manual 100 - 6400
Shutter Speed : 60-1/4000 sec
ถ่ายวิดีโอได้ด้วยความละเอียดสูงสุด
1280 x 720 และแบบ 640 x 480 พิกเซล 30 fps
ขนาด 121 x 70 x 36 มม.
น้ำหนัก 335 กรัม (ไม่รวมแบตเตอรี่)
ถ้ารวมแบตเตอรี่ SD Card, View
Finder และเลนส์ขนาด 14 - 42 มม. น้ำหนัก
รวม ประมาณ 580 กรัม
|
|
ตัวอย่างภาพถ่าย
:
ตัวอย่างวิดีโอ
(ถ่ายเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2552)
หมายเหตุ : วิดีโอนี้
ทำมาจากต้นฉบับที่ถ่ายด้วยความละเอียด
HD 1280 x 720 พิกเซล
แต่นำมาตัดต่อ แล้ว Convert เป็นไฟล์
.FLV เพื่อนำเข้า Post ในหน้าเว็บนี้
ดังนั้นวิดีโอ
ที่เล่นอยู่นี้ จึงไม่ใช่ HD ที่แท้จริง (แต่ก็มีความชัดเจนดีพอสมควร)
ดู Sample HD Video 1 | Sample HD Video 2
| Sample HD Video 3
ที่ได้นำขึ้น YouTube เป็นวิดีโอ
HD 1280 x 720 พิกเซล ไฟล์ .avi
(Uncompressed)
เวลาดู อย่าลืมคลิกที่ HD ด้วย
รายละเอียดอื่นๆ
ดูได้ที่ dpreview.com | Steves-digicams.com
| Letsgodigital
Photographyreview.com
| Bangkoksite.com
| ...
............................................................................................................................................
10.
การใช้ Adapter กับเลนส์อื่นๆ
กล้อง Micro Four Thirds มี Adapter
ที่ต่อใช้กับเลนส์อื่นๆได้หลายยี่ห้อ
ทำให้นำเอาเลนส์เดิมๆกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก
สำหรับผู้ที่สนใจ คลิกดูข้อมูลที่นี่
แต่ใช้ได้ในโหมด Manual เท่านั้นซึ่งการโฟกัส จะทำได้ดีขึ้น
ถ้าใช้ขาตั้งกล้อง
และผู้ใช้ที่ไม่ชำนาญการถ่ายภาพแบบ
Manual อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตั้งค่าต่างๆมากขึ้น ในการทดสอบ ได้นำเลนส์ Nikon เก่าๆ ที่มีอายุกว่า 20 ปี
เดิมใช้กับกล้องฟิล์ม Nikon F301
ได้แก่เลนส์ Zoom Nikkor 35 - 70 มม. ซึ่งถ่ายมาโครได้ด้วย
ต่อกับ Adapter MFT/LEM แบบ F
Mount ใช้งานได้ทันที ในโหมด Manual ได้ผลดี
ดูรูปตัวอย่าง คลิกที่นี่ นอกจากนั้น
ยังได้ทดลองกับเลนส์อื่นๆอีกหลายตัว
แต่เลนส์ Zoom 35 - 70 มม.
ที่มีอยู่เดิมนั้น
มีขนาดเล็กและเบา จึงนำมาใช้กับ
กล้อง Olympus E-P2 ได้อีก
หมายเหตุ
: ได้ไปค้นเลนส์เก่าที่ดีมากๆ
อีกตัวหนึ่ง อายุกว่า 22 ปีแล้ว คือเลนส์ Nikon
50 มม.
1 : 1.2 ซึ่ง ถ่ายภาพได้สวยมาก
และยังต่อกับทั้ง Adapter และ
Extension Ring PK-11
ถ่ายภาพ Close-Up ได้สวยทีเดียว
คลิกดูรายละเอียดได้ที่นี่ |
|
|
11. การพกพา (Portability)
กล้อง Olympus E-P2 มีขนาดเล็ก
น้ำหนักเบา เมื่อรวมเลนส์
ก็หนักประมาณ 580 กรัม
เมื่อเทียบกับ Nikon D200 และเลนส์ 1 อัน หนักประมาณ 1,500 กรัม
ดังนั้น การพกพาไปท่องเที่ยว พร้อมกับอุปกรณ์เล็กๆ เช่น
ไฟแฟลช และกล้องวิดีโอ อีก 1 กล้อง จึงไม่เป็นภาระนัก
การใช้กล้องแบบ Micro Four
Thirds คงจะเน้นที่การพกพากล้องเล็กที่มีคุณภาพไปถ่ายภาพ
คงจะไม่ต้องแบกเอาอุปกรณ์ไปมากมาย |
|
12. เลนส์ที่ออกมาใหม่
อ่านบทความใหม่ เลนส์มุมกว้าง 9 - 18 mm
เลนส์แบบ Micro Four Thirds ของ
Olympus ที่ออกมาใหม่ อีก 2
อัน ภายในกลางปี 2553 ได้แก่ เลนส์
9 - 18 มม.
1 : 4 - 5.6 และเลนส์ซูม 14 - 150 มม. 1 : 4 - 5.6 ตามรูปที่แสดง
Note :
เลนส์ซูม 14 - 140
มม. ดูที่นี่
ราคา
Panasonic |
|
|