Digital Photography Audio & Video Computer Accessories Software Applications | Home |
|
ประเมินความสำเร็จในชีวิต
(Success in Life) อะไรคือความสำเร็จในชีวิต? คงจะไม่มีสูตรตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับ Factors มากมาย และความพอดีของแต่ละคนไม่เท่ากันอาจ จำเป็นต้องฟังคนทั่วไปหรือคนที่รู้จัก คุ้นเคย และหวังดี เป็นผู้ Evaluate แต่จะเทียบกับอะไร มันเป็น เรื่องยาก ดังนั้น ความสำเร็จในชีวิต อาจจะแบ่งเป็นเรื่อง การศึกษา การทำงาน ครอบครัว ฐานะ สังคม และการทำประโยชน์หรือการแบ่งปันให้กับสังคม ก็น่าจะพอใช้ได้ ความสำเร็จในด้านการศึกษา ผมเป็นคนที่เรียนหนังสือเก่ง ความจำดีมาก เขียนหนังสือเป็นระเบียบ อ่านง่าย สามารถทำเรื่องยาก ให้เป็นเรื่องง่ายได้ การเรียนในระดับปริญญาตรี ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 สอบได้ 90.5% แพ้ปัญญา ไปเพียง 0.5 % ถามว่าพอใจใหม คำตอบคือพอใจ สำหรับระดับปริญญาโทนั้น ได้ Honor Rolls Straight As นับว่ามีชื่อเสียงมากที่อเมริกา นับว่าพอใจมาก แต่เสียดายที่ต้องเดินทางกลับเพราะ เจ้าของทุนคือ US AID ไม่ยอมให้เรียนต่อระดับปริญญาเอก ทั้งๆที่น่าจะไปได้สวย จะทำอย่างไรได้ ก็จำต้องกลับมาทำงานชดใช้ทุน 2 เท่า ความสำเร็จในด้านการทำงาน การกลับมารับราชการ และต้องทำงานชดใช้ทุนเป็นเวลา 2 เท่าของเวลาที่ลาไปเรียนนั้น เป็นไป ตามสัญญา ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่น่าเสียดายที่ราชการ ไม่ได้ให้เราใช้ความรู้ความสามารถตามที่ ไปเรียนมา ซึ่งชีวิตในสมัยรับราชการ นับว่าไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้ การออกมาทำงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นับว่าประสบความสำเร็จในระดับดี แต่ไม่ถึงกับดีมาก เพราะหลายสาเหตุ ข้อดี คือ ได้ใช้ความรู้ที่เรียนและศึกษาดูงานมา นำมาประยุกต์ ใช้กับ กฟผ.ได้มาก ผลคือ กฟผ.เป็นผู้ได้ประโยชน์มากมายมหาศาล เพราะในสมัยนั้นใน กฟผ.มีไม่กี่ คนที่เรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศ การทำงานต้องพึ่งพาที่ปรึกษาฝรั่ง แต่เมื่อผมเข้าไปทำงาน ของผม เราพยายามทำเองให้ได้ ไม่ต้องใช้ Consultant ก็นับว่าทำสำเร็จ และในสมัยแรกๆนั้นคนยัง ไม่มากนัก ผมได้รับความไว้วางใจและได้รับการสนับสนุนดีพอสมควร แต่ข้อเสียก็มีมาก เช่น เมื่อ ทำงานได้ดี ทำงานเร็ว มีชื่อเสียง มีลูกน้องมาก มีตำแหน่งใหญ่ขึ้น ก็ย่อมมีคนอิจฉา ริษยามากขึ้น มีทั้งที่มองออกและมองไม่ออก และยิ่งเมื่อถึงจุดที่จะก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่งระดับผู้ช่วยผู้ว่าการก็ยิ่งมี การแข่งขันใต้ดิน มีการแอบเลื่อยขาโต๊ะ พูดให้เสียหาย พูดลับหลัง หรือแทงข้างหลัง เป็นการ Discredit แม้แต่เพื่อนที่เรียนหนังสือมาด้วยกันบางคน ก็เล่นบทเป็นผู้ร้ายไปได้ ผมเป็นคนที่จะวิเคราะห์สถานะการณ์และวางแผนให้กับชีวิตและครอบครัวเป็นประจำ เมื่อจะแต่งงาน ก็วิเคราะห์แล้วว่าจะอยู่รอดได้หรือไม่ เพราะรับราชการอยู่ จากนั้น เมื่อแต่งงานแล้ว ไม่มีเงินเหลือเลย ต้องอยู่อย่างประหยัดมากในช่วงต้นๆและได้ทำแผนทางด้านการเงิน หรือ Cash Flow ขึ้น โดยทั่วไป ก็ทำล่วงหน้า 1-2 ปี และต้องทำประกันชีวิตด้วยเพราะกลัวครอบครัวจะลำบาก หลังจากเห็นว่าจะอยู่ต่อไป ลำบากแน่ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนงาน นั่นก็คือไปอยู่ กฟผ. ซึ่งก็อยุ่ถึง 22 ปี หลังจากลาออกจาก กฟผ.เพราะอึดอัดหลายเรื่อง เรื่องที่ไม่สบอารมณ์เอามากๆก็คือ ทำไมคนอย่างผม ที่ได้ทำประโยชน์ให้กับการไฟฟ้ามากมาย จึงต้องเงินเดือนตัน ติด Ceiling อยู่ถึง 3 ปี (เพราะรอการขอ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าการ) มันมีทางทำได้เท่านั้นหรือ? และพอเข้าปีที่ 4 ที่ผมอุตส่าห์ทนมาก็ยังไม่ได้รับ คำตอบที่น่าพึงพอใจ แล้วเราจะอยู่เสียโอกาสในอนาคตต่อไปทำไม พวกฝ่ายบริหารฯ คงจะไม่ทราบว่า ผมได้รับการติดต่อจากทางธนาคาร ADB และ World Bank ขอ ให้ลาออกไปทำงานกับเขาเลย ทาง ADB ติดต่อมานานมาก และต่อมาก็ทาง World Bank ก็อยาก ได้ เงินเดือนดีมาก และภายหลังก็มีอีก 2-3 ราย และหนึ่งในนั้นคือ ชินวัตร คอมพิวเตอร์! การลาออกจากรัฐวิสาหกิจ มาทำงานภาคเอกชนกับบริษัทชินวัตร คอมพิวเตอร์นั้น ผมใช้เวลาคิดศึกษา และหาข้อมูลอยู่นานหลายเดือน เรื่องเงินนั้นไม่ได้เป็น Factor หลัก เพราะขณะนั้นผมก็มีงานที่ปรึกษา และงานรับจ้างทำ Study ฯลฯ มีรายได้ดีพอสมควร แต่เพราะเห็นว่าเราได้ทำประโยชน์ให้กับ กฟผ.มา มากมายแล้ว ในเมื่อเขาไม่ได้ตอบแทนอย่างคุ้มค่า ก็สมควรที่จะต้องอำลาจากกัน และชีวิตคนเรา คนที่ มีความรู้ มีไฟแรงและพลัง และต้องการสิ่งที่ท้าทาย (Challenge) จะไปกลัวอะไร (ความจริง ก่อนหน้า นั้นได้มีรองผู้ว่าการคนหนึ่ง เคยกล่าวกับผมว่า "สมเกียรติ ... เขาหลอกใช้ยู" ผมฟังแล้วก็งงๆ ไม่ได้คิด อะไรมาก แต่หลังจากนั้นมาคิดทบทวนดู ก็น่าจะจริง) ความสำเร็จในการทำงานใหม่ที่กลุ่มชินวัตร ผมได้ตัดสินใจลาออกจาก กฟผ.และมาทำงานกับกลุ่มชินวัตร แต่งานตอนแรกเข้านั้นได้ตำแหน่งเป็น Vice President Broadcasting และเป็น ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท ไอบีซี เคเบิล ทีวี ต่อจากนั้นได้ เป็น Vice President - Administration, Executive Vice President - Operation, President - SC Asset Group, Assistant - Group President และ Executive Director หรือ กรรมการ บริหาร จนกระทั่งเกษียน และทางกลุ่มบริษัทฯ ได้ว่าจ้างให้ทำงานต่อในตำแหน่งที่ปรึกษา (Advisor) มาอีกจนถึงเดือนตุลาคม 2549 จึงได้ย้ายไปทำงานให้มูลนิธิไทยคม การทำงานให้กับกลุ่มชินวัตร ถือว่าผมได้ทำประโยชน์ได้เป็นอย่างมาก แม้งานจะแตกต่างจากที่เคยทำ ที่ กฟผ. แต่ด้วยอาศัยพื้นความรู้ และประสบการณ์ที่มีมานาน ทำให้สามารถทำงานในรูปแบบต่างๆและ สามารถพัฒนางานให้เป็นระบบ เพิ่มประสิทธิภาพ และได้ทำงานหลายๆอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ และก็ทำได้สำเร็จ ดังนั้น สรุปได้ว่า การมาทำงานที่กลุ่มชินวัตรนั้น ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะฝ่ายบริหาร เปิดโอกาสให้ทำงานได้เต็มที่ ให้การสนับสนุน ให้กำลังใจ ให้รางวัล และผลตอบ แทนในผลงาน และที่สมควรกล่าวยกย่องไว้ ณ ที่นี้ก็คือ ฝ่ายเจ้าของและฝ่ายบริหารระดับสูง เป็นผู้ที่มี ความรู้ ความสามารถและมี Style การบริหารธุรกิจที่ยอดเยี่ยมที่สุด เป็นผู้ที่มีคุณธรรมและมีน้ำใจ ผู้ร่วมงานก็มีความรู้ ขยันขันแข็ง ทำงานกันจริงๆ เป็นเรื่องที่ผมภาคภูมิใจและถือว่าประสบความสำเร็จ และโชคดีมากที่ได้มาร่วมงานด้วย และนี่เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เกิด Royalty ต่อเจ้าของ และองค์กร ความสำเร็จในการทำงานหลังจากเกษียนที่ชินวัตร งานที่ได้รับมอบหมายโดยตรงจากท่าน พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ให้พัฒนาและจัดทำเว็บไซต์ไทยตำบล ดอทคอมนั้นได้ดำเนินการมาเป็นเวลา 8 ปี และประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการช่วยเผยแพร่ข้อมูล ต่างๆของทุกตำบลในทุกจังหวัด และทุกๆแขวงในกรุงเทพมหานคร และช่วยให้กลุ่มอาชีพ ผู้ผลิตและผู้ ประกอบการมีรายได้จากการขายสินค้ามากขึ้น และผมถือว่าได้ประสบความสำเร็จในด้านส่วนตัวด้วย ความสำเร็จในการสร้างครอบครัวและฐานะ เมื่อเรียนจบจากสหรัฐอเมริกา กลับมารับราชการ ก็ได้ปรับเงินเดือนขึ้นเป็น 1,900 บาท ในสมัยนั้น นับว่ามากพอสมควร แล้วก็เริ่มมีรถยนต์เล็กๆ เป็นรถมือสอง คันแรก พาแฟนไปเที่ยวได้ ต่อมาเมื่อ แต่งงาน ก็พยายามปลูกบ้านเล็กๆชั้นเดียวอยู่ แยกออกไปจากบ้านใหญ่ พบว่าพอมีลูก เงินก็เริ่มไม่ ค่อยจะพอใช้ ต้องอยู่กันอย่างประหยัดมาก แต่ก็ไม่ต้องไปกู้ยืมใครมา การสร้างฐานะครอบครัว ใช้ เวลานานมาก เพราะแทบจะเริ่มจากศูนย์ แต่เวลาผ่านไป ได้ใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ หาเงินเพิ่มขึ้นมาได้ ความจริง ผมเป็นคนที่รู้ว่าจะหาได้เท่าไร และจะใช้ได้เท่าไร มีเพื่อนคนหนึ่ง เคยพูดว่า Money we can get. เป็นเรื่องจริง ถ้าเรามีความรู้ ความสามารถและไม่ขี้เกียจ ก็มีทาง หาเงินได้ เมื่อหาได้มาก ก็อาจจะใช้มากเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ต้องมีการเก็บออมไว้ส่วนหนึ่ง และต้อง มีการวางแผนไว้สำหรับตอนเกษียณด้วย โดยเฉพาะถ้าเกิดไม่สบายหนักๆ ต้องเข้าโรงพยาบาลที่แพง มาก เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ก็ต้องใช้เงินมาก ซึ่งการสร้างฐานะนี้ ใช้เวลานาน และต้องค่อยๆทำไปก็นับ ว่าประสบความสำเร็จดีพอสมควร |
ตั้งแต่วันที่
18 ก.พ.2548
ปรับปรุงล่าสุด 12 เมษายน
2564