|
|
|
รถยนต์
Mercedes-Benz E 250 CGI
BlueEfficiency Avantgarde Saloon
อ่านรายละเอียดเพิ่ม
รถยนต์เบนซ์ รุ่นใหม่ อี คลาส E 250 CGI
ผมได้ใช้รถ Mercedes-Benz E 200 Kompressor รุ่นปี
2544 มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว
เป็นรถที่ดีมาก
นั่งสบาย ขับสบาย อัตราเร่งดี
แรงบิดก็ดี และกินน้ำมันไม่มาก
คือวิ่งทางไกล ขับแบบปกติ
ความเร็ว 100 - 120
กม./ชม. จะได้ถึง 12 กม./ลิตร (รถ Hybrid
ใหม่ ใช้น้ำมัน Gasohol 95
วิ่งทางไกลได้แค่ 17 กม./ลิตร
เท่านั้น
และถ้าใช้ Gasohol 91
ก็วิ่งได้ประมาณ 15 กม./ลิตร)
เป็นที่ทราบกันแล้วว่าทาง
Mercedes-Benz
ได้เริ่มจัดวางจำหน่ายรถเบนซ์
อี คลาส รุ่นใหม่
ซึ่งเรียกกันว่ารุ่นปี 2010
และทางบริษัทนำเข้ารถยนต์บางราย
(Grey Market) ได้รับจองรถบางแบบไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
และในขณะนี้
ทาง Mercedes-Benz
ก็ได้กำหนดวันเปิดตัวรถเบนซ์ อี
คลาส รุ่นใหม่ คือ E 250 CGI BlueEfficiency Avantgarde
ในวันที่ 13 พ.ย. 2552
อย่างเป็นทางการ
(สำหรับแขกรับเชิญ) และวันที่ 14 - 15
พ.ย. 2552 สำหรับประชาชนทั่วไป
ซึ่งคาดว่าจะได้รับการสั่งจองเป็นจำนวนมาก
โดยรุ่นแรกจะเป็นรถยนต์นำเข้าจากประเทศเยอรมนี
และรุ่นที่ประกอบใน
ประเทศไทย จะออกมาในเดือนเมษายน 2553 คาดว่าราคาประมาณ
4.4 ล้านบาท

เมื่อศึกษาจาก Specifications
และข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ
พบว่า รถเบนซ์ E 250 นี้
มีความจุกระบอกสูบลดลง
เหลือเพียง 1,796 cc.
แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่
ได้กำลังม้าถึง 204 แรงม้า
และแรงบิดก็สูงขึ้นด้วย
แต่อัตราความสิ้น
เปลืองน้ำมัน เพียง 15 - 16 กม./ ลิตร
เมื่อวิ่งนอกเมือง นับว่าดีมาก
ประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิม 20%
สำหรับรูปร่าง
ความสวย สง่างาม และหรูหรา
นั้น
เป็นเอกลักษณ์ของรถเบนซ์อยู่แล้ว
รุ่นนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่น
E200 ด้วย
สำหรับราคารถนั้น
คงจะทราบในวันที่ 13 พ.ย. 2552 นี้
แต่เมื่อเทียบกับ Grey Market แล้ว
ก็คงจะไม่ต่างกัน
มากนัก
เพราะเป็นรถนำเข้ามาเหมือนๆกัน
Features พิเศษ (เมื่อเทียบกับ E 200 Kompressor)
มีระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ
(Attention Assist), ระบบเตือนแรงดันลมยาง,
ระบบเพิ่มความ
ส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง,
มีช่องแอร์สำหรับคนนั่งข้างหลัง
ทั้งตรงกลาง และที่เสาประตูด้วย,
มีระบบกดปุ่มที่ฝา
กระโปรงหลังเมื่อเปิดอยู่
จะปิดลงเองโดยอัตโนมัติ เป็นต้น

ภายในห้องโดยสาร
รุ่นที่สั่งเข้ามาคือ E250 CGI
มีเกียร์เหนือ
ปุ่มควบคุมการใช้งานของจอ
|
 |

|

จอแสดงผลการใช้งานต่างๆ
เช่น ระบบนำทาง Navigator
Audio วิทยุ DVD เป็นต้น
โดยควบคุมจากปุ่มกลมๆใกล้ที่วางแขน
|

เบาะที่นั่งด้านหลัง
สำหรับรุ่น E 250 CGI
|
|
ดูรูปภาพและข้อมูลเพิ่มเติมที่
Bangkoksite Motoring
เปรียบเทียบรายละเอียดด้านเทคนิค
ระหว่าง E 250 CGI (รุ่นปี 2553) กับ E 200 Kompressor
(รุ่นปี 2544)
|
รายการ |
E 250 CGI
Avantgrage
(2010) |
E 200 Kompressor
Elegance
(2001) |
1 |
จำนวนกระบอกสูบ
/ การจัดเรียง |
แถวเรียง 4 สูบ |
แถวเรียง 4 สูบ |
2 |
ความจุกระบอกสูบ |
1,796 |
1,998 |
3 |
กำลังเครื่องยนต์
กิโลวัตต์ / แรงม้า ที่ รอบต่อนาที |
150 (204) / 5,500 |
137 (186) / 5,300 |
4 |
แรงบิด
(นิวตันเมตร
ที่ความเร็วรอบต่อนาที) |
310 / 2,000 - 4,300 |
260 / 2,500 - 4,800 |
5 |
อัตราเร่ง
0 - 100 กม./ชม. (วินาที) |
7.8 |
|
6 |
ความเร็วสูงสุด
ประมาณ (กม./ชม.) |
238 |
226 |
7 |
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน
ในเมือง (กม./ลิตร) |
9.4 - 9.7 |
|
8 |
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน
เฉลี่ย (กม./ลิตร) |
12.5 - 13.2 |
|
9 |
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน
นอกเมือง (กม./ลิตร) |
15.6 - 16.4 |
11.8 - 12.5 |
10 |
อัตราส่วนกำลังอัด |
9.3 |
|
11 |
ความสูง
(มม.) |
1,470 |
1,441 |
12 |
ความกว้าง
(มม.) |
1,854 |
1,799 |
13 |
ความยาว
(มม.) |
4,868 |
4,818 |
14 |
น้ำหนักรถเปล่า
(กก.) |
1,650 |
1,580 |
15 |
น้ำหนักที่สามารถบรรทุกได้
(กก.) |
535 |
500 |
16 |
น้ำหนักรวม
(กก.) |
2,185 |
2,080 |
17 |
พื้นที่บรรทุกของ
(ลิตร) |
540 |
|
18 |
ความจุถังน้ำมัน
(ลิตร) |
80 |
65 |
19 |
ขนาดยาง
หน้า - หลัง |
245 / 45 R17 |
|
|
|
|
|
หมายเหตุ :
CBU = Completely Built Unit หรือ Car imported
completely built).
CGI (Charged Gasoline Injection) :
เทคโนโลยีแบบ CGI
มีความโดดเด่นเรื่องพละกำลังรถยนต์แรงแบบต่อเนื่องแต่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันลดลง 10
เปอร์เซ็นโดยประมาณ
เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นค่ายแรกที่คิดค้นเทคโนลียี
CGI
และได้นำไปใช้ครั้งแรกในรถรุ่น
CLS 350 CGI
ในปี 2006 ต่อมาได้ขยายไปรุ่น E 200 CGI
BlueEFFICIENCY และ E 250 CGI BlueEFFICIENCY เป็นต้น
ซึ่งสองรุ่นนี้สามารถระหยัดน้ำมันขึ้น
20 เปอร์เซ็นต์
และปล่อยไอเสียน้อยมาก
โดยรวมแล้วเมอร์เซเดส-เบนซ์จะใช้เทคโนโลยี
CGI ในรถยนต์แบบ 4 และ 6 สูบBlueEFFICIENCY:
เป็นเทคโนโลยีทรงประสิทธิภาพที่สุดในด้านการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
ด้วยหลักการทำให้รถยนต์มีน้ำหนักเบาขึ้นอย่างชาญฉลาดไม่ว่าจะเป็นที่โครงสร้างรถ
การลดน้ำหนักกระจกหน้ารถ
ในพวงมาลัย
การเลือกใช้ยางที่มีแรงเสียดทานต่ำและการทำให้รถลู่ลมมากที่สุด
รวมถึงการสตาท์เครื่องด้วยปุ่ม
start/stop ด้วย โดยรถที่เป็น BlueEFFICIENCY
จะประหยัดน้ำมันขึ้น 12
เปอร์เซ็นต์โดยประมาณ
รถรุ่นที่ใช้เทคโนโลยี BlueEFFICIENCY
ผลิตแล้วในทุกเซ็กเมนต์ อาทิ A-, B-,
C-, E- และ S-Class โดยรุ่นที่จะนำมาเปิดในไทยจะเป็นระดับ E-Class คือ E 250 CGI
BlueEFFICIENCY |
|
|
|